ผู้ประกอบการด้านเลี้ยงสัตว์กำลังจะได้ประโยชน์ โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู หลังจากราคาหมูในประเทศจีนกำลังพุ่งทำสถิติใหม่ โดยมีรายงานว่า ราคาหมูล่าสุดอยู่ที่ 18.5 หยวนต่อ 1 กิโลกรัม หรือ คิดเป็น 93.72 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนถึง 12% ส่งผลให้ผู้เพาะเลี้ยงหมูรายใหญ่ของไทยได้ประโยชน์ โดยนักวิเคราะห์กำลังจับตาไปที่บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF - บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG กำลังจะได้รับประโยชน์ในส่วนนี้ ซึ่งจะเข้ามาช่วยทดแทนรายได้จากราคาหมูในประเทศที่กำลังปรับตัวลดลง
บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวของราคาเนื้อหมูและเนื้อไก่ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาไก่ในประเทศทรงตัวอยู่ที่ 43.50 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ราคาหมูลดลง 5% เหลือ 67.50 บาทต่อกิโลกรัม เพราะอุปสงค์ลดลงจากการที่ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงหน้าฝน ในขณะเดียวกัน การส่งออกหมูเป็นไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (โดยเฉพาะในภาคเหนือของไทย) น่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนราคาหมูในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ปริมาณการส่งออกในตอนนี้ยังไม่ถือว่าเป็นระดับที่มีนัยสําคัญ นอกจากนี้ โรค ASF ที่ระบาดมาตั้งแต่ปลายปีก่อนก็ยังทําให้ราคาหมูในต่างประเทศสูงขึ้น โดย ราคาหมูในประเทศจีนพุ่งสูงขึ้นอีก 12% เป็น 18.5 หยวนต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2565
สำหรับต้นทุนอาหารสัตว์มีทั้งขึ้น และ ลง ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาอาหารสัตว์มีทั้งขึ้นและลง โดยราคากากถั่วเหลืองในตลาดโลกลดลง 7% เหลือ 361 ดอลลาร์ต่อตัน เนื่องจากจีนนําเข้าลดลง ในขณะที่ราคาข้าวสาลีลดลง 10% เหลือ 6.3 ดอลลาร์ต่อ bushel หลังจากที่ตุรกีระงับการนําเข้าข้าวสาลีจากวันที่ 21 มิถุนายน ถึง กลางเดือนตุลาคม เพื่อปกป้องเกษตรกรในประเทศจากการที่ราคาลดลง
ทั้งนี้ ตุรกีเป็นประเทศผู้นําเข้าข้าวสาลีอันดับห้าของโลก คิดเป็น 5% ของปริมาณการค้าข้าวสาลีทั้งโลก เรามองว่าราคาข้าวสาลีที่ลดลง ลงน่าจะช่วยลดแรงกดดันต่อ Food Supply ในแง่ของต้นทุนวัตถุดิบหลัก ในขณะเดียวกัน ราคาข้าวโพดในประเทศเพิ่มขึ้น 7% เป็น 11.70 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากอุปทานลดลงเพราะภัยแล้งเมื่อต้นปีนี้ทําให้เกษตรกรเลื่อนการเพาะปลูก ออกไป เราคิดว่าราคาข้าวโพดในประเทศน่าจะยังอยู่ในเกณฑ์สูงไปจนกว่าจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตรอบหน้าในเดือนกันยายน
อย่างไรก็ตามส่วนต่างราคาของหมูเพิ่มขึ้น 9% จากเดือนก่อนหน้าเป็น 38.90 บาทต่อกิโลกรัม ในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากราคาหมูเพิ่มขึ้น 6% เป็น 72 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งมากเกินกว่าต้นทุนอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม spread ของไก่ลดลง 4% จากเดือนก่อน เหลือ 18.80 บาทต่อกิโลกรัม เพราะราคาไก่ทรงตัวอยู่ที่ 44 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น 3% อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยห้าปีย้อนหลังส่วนต่างของไก่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 38% ในขณะที่ส่วนต่างของหมูต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 21% ทั้งนี้ ส่วนต่างของทั้งหมู และ ไก่ในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อน และ 23% จากไตรมาสก่อน ตามลําดับ ซึ่งบ่งบอกว่า กำไรขั้นต้นของผู้ผลิตเนื้อสัตว์ดีขึ้น
เรายังคงเลือก CPF และ TFG เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้ เนื่องจากราคาหมูในภูมิภาคกําลังสูงขึ้น เราชอบ CPF มากที่สุดในกลุ่ม เพราะคาดว่าราคาหมูที่พุ่งสูงขึ้นในจีนจะทําให้ CTI (ธุรกิจฟาร์มหมูของ CPF ในจีน) พลิกฟื้นได้ในไตรมาสที่ 2 นี้