บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เจ้าของปั๊มน้ำมัน PT ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ที่สำคัญการใช้บัตรสมาชิก PT Max Card ที่ถูกเรียกว่า “บัตรแดง-บัตรเขียว” ที่ผู้ถือบัตรสามารถนำบัตรนี้ไปเป็นส่วนลด และสะสมแต้มจากการใช้บริการในกลุ่ม PTG โดยล่าสุดกลยุทธ์นี้เริ่มสร้างการซื้อซ้ำในกลุ่มและเป็นฐานรายได้ที่สำคัญให้กับบริษัทได้ พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 คาดว่ายอดขายจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีก เนื่องจากเชื่อว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางยังคงเติบโต เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ทั้งจากลูกค้าใหม่ และกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus รวมถึงปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยวจากวันหยุดต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เริ่มต้นการเพาะปลูกทางการเกษตร
ส่วนธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยยังคงเติบโตไปในทิศทางเดียวกันจากการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้ารายเดิม และจากกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus และยังเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจ Autobacs มีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น “จากแนวโน้มธุรกิจ Oil และ Non-Oil ที่ยังคงขยายตัวตามแผนที่ได้วางไว้ ประกอบกับมีการเข้ามาใช้บริการของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก จึงเป็นสัญญาณบวกต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของ PTG ที่เชื่อว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง” นายพิทักษ์ กล่าว
ในที่สุด ในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงวางเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโต 10-12% และขยายจำนวนสถานีบริการไว้ที่ 2,251 สถานีบริการ รวมถึงยกระดับการให้บริการ ด้วย PT Service Master ที่คอยให้บริการและแนะนำลูกค้า และมีการใช้ข้อมูลจากฐานสมาชิกกลุ่มผู้ถือบัตร PT Max Card, PT Max Card Plus, แอปพลิเคชัน Max Me และแพลตฟอร์ม Max Enterprise Connect (MEC) มาวิเคราะห์เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และโปรโมชันที่ตรงตามความต้องการลูกค้ามากที่สุด มุ่งสู่เป้าหมายในการขยายส่วนแบ่งการตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกสถานีบริการไม่ต่ำกว่า 25% ในปี 2570 สำหรับธุรกิจ Non-Oil ยังคงวางเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 40-50% หลักๆ มาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่มองว่าปีนี้เป็นปีแห่ง “Network Expansion” และจะมุ่งสู่จำนวนสาขากาแฟพันธุ์ไทยกว่า 5,000 สาขา
ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศในปี 2570 ส่วนธุรกิจก๊าซ LPG ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายปี 2567 ไว้ที่ 30-40% โดยกลุ่ม Auto LPG จะเน้นงานบริการเพื่อส่งเสริมยอดขาย และครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ด้วยโครงการ “Taxi Transform” และ “Auto Transform”, กลุ่มก๊าซครัวเรือนและอุตสาหกรรมรักษาฐานลูกค้าหลักเดิม และหาฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงเน้นการขยายจำนวนสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 788 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 573 สาขาในปี 2566 โดยเป็นการขยาย Gas Shop เป็นหลัก
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ปี2567 คาดผลประกอบการขยายตัวจากปีก่อน โดยธุรกิจน้ำมันมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชน-การท่องเที่ยว, แผนขยายสถานีบริการอีก 50 แห่ง(เป็น2,251 สาขา) และการปรับปรุงสถานีให้ตอบโจทย์ลูกค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจNon-Oil จะมีการขยายตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กาแฟและLPG สอดคล้องแผนขยายสาขาพันธุ์ไทยอีก400 แห่ง(เป็น1,282 สาขา)
รวมทั้งการเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม บล.คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 9.90 บาททั้งนี้ภายใต้มุมมองว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังอยู่ระดับสูงในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า ทำให้ประเมินว่าหุ้นพลังงานต้นน้ำจะเหมาะกับการลงทุนในช่วงนี้มากกว่า