ทองคำและน้ำมัน กลายเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนทั่วโลกจับตา เพราะ 2 สินค้าโภคภัณฑ์นี้ จะช่วยหลีกเลี่ยงความผันผวนที่เกิดขึ้นได้ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกหันมาเก็บทองคำมาขึ้น รวมถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. กองทุนเพื่อการเกษียณอายุของข้าราชการไทย ก็ปรับกลยุทธ์เข้าลงทุนในทองคำด้วยเช่นกัน
ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. เปิดเผยว่า กบข. ได้ปรับน้ำหนักพอร์ตการลงทุน โดยเน้นการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น ทั้งทองคำและน้ำมัน หลังจากสถานการณ์โลกดูไม่ปกติ ทั้งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่แน่นอนมากขึ้น รวมถึงปัจจัยเรื่องดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่คาดการณ์ได้ยาก
“กบข. ได้ตัดสินใจปรับพอร์ตลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้น ทั้งทองและน้ำมัน ซึ่งเราตัดสินใจเพิ่มน้ำหนักในรอบนี้ หลังเกิดภาวะสงความระหว่างอิหร่านและอิสราเอล”
มุมมองนักลงทุนสถาบันอย่าง กบข. เรามองว่าภาวะของโลกที่ไม่แน่นอนมากขึ้น และเกิดความขัดแย้ง ทองคำจะเป็นสินทรัพย์สำคัญที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงและมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งสัดส่วนการลงทุนทองคำเวลานี้ อยู่ในสัดส่วน 1% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด
นอกจากนี้ กบข. ยังคงพอร์ตน้ำหนักการลงทุนในต่างประเทศเป็นหนัก ทั้งในหุ้นกู้และหุ้นสามัญ โดยมีการถือหุ้นในประเทศอยู่ที่ 4% ของพอร์ตทั้งหมด แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจไทยดีขึ้น บริษัทจดทะเบียนมีการฟื้นตัวที่ดี แต่มองว่าโอกาสการลงทุนในต่างประเทศนั้นยังเปิดกว้างมากกว่า โดยมีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ 60% และลงทุนในสินทรัพย์ในประเทศ 40%
สำหรับการลงทุนในปีนี้ กบข. ประเมินปัจจัยเสี่ยงในการลงทุน 3 เรื่องหลัก คือ 1. ปัจจัยการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่จะกระทบกับทิศทางการค้าทั่วโลก มีผลต่อการลงทุนโดยตรง 2. ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ หรือเฟด ว่าจะเป็นอย่างไรหลังความไม่แน่นอนเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ 3. ปัจจัยการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ที่จะเป็นข้อหนึ่งที่จะทำให้เกิดการกีดกันทางการค้ามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม พอร์ตการลงทุนของ กบข. ปัจจุบันมีมูลค่า 1.35 ล้านล้านบาท มีสมาชิกประมาณ 1.23 ล้านคน โดยผลตอบแทนการลงทุนนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงเดือน พ.ค. อยู่ที่ 3% โดย กบข. มองว่าผลตอบแทนในปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่ 1.46% ทั้งนี้ กบข. มีเป้าหมายในการลงทุนสร้างผลตอบแทนมากกว่า 2% ของค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อ 10%
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมานับจากมีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั่วโลก กบข. มีการเกาะติดสถานการณ์การลงทุนมากขึ้น และมีการประชุมเพื่อวิเคราะห์ตลาด เพิ่มขึ้นจากเดิมที่จะมีการประชุมประมาณ 1 เดือนครั้ง เป็นสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งการปรับพอร์ตลงทุนใหญ่นั้น กบข. จะมีการปรับทุกๆ 3 ปี เพื่อมองภาพการลงทุนไปอีก 5-10 ปีข้างหน้า โดยการปรับพร์ตครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้