บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SIRI รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และรับรู้รายการพิเศษในปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 19.6% รับยอดขายบ้านเดี่ยวเติบโต ผู้บริหารฯ เชื่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะหนุนภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2/67 ได้ ลุยเปิด 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านบาท
สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SIRI ณ เวลา 11.13 น. อยู่ที่ 1.66 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือ -0.60% จากราคาปิดวันก่อนหน้า ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ แนะนำ “ถือ” คาดกำไรยังไม่โดดเด่น และไม่เห็นปัจจัยบวกขับเคลื่อนราคาหุ้นในระยะสั้น
โดย แสนสิริ รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/67 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ) เท่ากับ 1,315 ล้านบาท ลดลง 16.9% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ จำนวน 1,582 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับในไตรมาส 1/66 มีการบันทึกกำไรจากการขายกิจการโรงเรียนสาธิตพัฒนา จำนวน 623 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
ขณะเดียวกัน บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 10,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.6% จากจำนวน 8,505 ล้านบาท ในไตรมาส 1/66 ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ โดยมีรายได้จากการขายโครงการจำนวน 8,901 ล้านบาท เติบโตขึ้น 31.8% จากจำนวน 6,754 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของรายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยว ที่ 5,113 ล้านบาท จาก 2,396 ล้านบาท และโครงการมิกซ์ โปรดักส์ ที่ 942 ล้านบาท จาก 687 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้าน วิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2567 ที่โตขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ผลงานมาจากรายได้จากการขายโครงการที่เพิ่มขึ้นถึง 32% อยู่ที่ 8,901 ล้านบาท นำด้วยรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่และซุปเปอร์ลักชัวรี่จากแสนสิริ นอกจากนี้ยังมีรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมด้วย
โดยนอกจากรายได้ที่โดดเด่นในทุกโปรดักต์ แสนสิริยังมีกำไรสุทธิในไตรมาสแรกอยู่ที่ 1,315 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการยืนหยัดสร้างผลกำไรที่ดีท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและภาวะตลาดอสังหาฯ ที่ทยอยฟื้นตัว ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้แสนสิริได้รับการยืนยันอันดับเครดิตองค์กรอยู่ที่ระดับ BBB+ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความน่าเชื่อถือในระดับการลงทุน (Investment Grade) จากทริสเรตติ้ง อีกด้วย
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไตรมาส 2 คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทย สู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) เพื่อสนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยของประชาชน จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี
สำหรับไตรมาส 2/67 แสนสิริ วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ราว 11 โครงการมูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 5 โครงการ มูลค่า 4,200 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 7,800 ล้านบาท
ด้าน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ไตรมาส 1/67 แสนสิริ ประกาศกำไรปกติตามคาด 1.09 พันล้านบาท ลดลง 13% จากไตรมาสก่อน จากยอดโอนฯ อ่อนตัวตามฤดูกาล แต่กำไรถือว่าใกล้เคียงงวดปีก่อน แม้มีแรงหนุนยอดโอนกรรมสิทธิ์กลุ่มแนวราบเพิ่มขึ้น แต่การทำกำไรถูกบดบังด้วยมาร์จิ้นอ่อนตัว และค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มผลจากตั้งสำรองผลตอบแทนพนักงานสูงขึ้น
ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ตามเดิมที่ 4.78 พันล้านบาท ลดลง 6% จากปีก่อน เนื่องจากไตรมาส 1/67 คิดเป็นสัดส่วน 23% ของเป้ากำไรทั้งปี ขณะที่ไตรมาส 2/67 เบื้องต้นคาดกำไรฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน แต่ทรงตัวจากปีก่อน หนุนจากเริ่มส่งมอบ 2 คอนโดฯ ใหม่ และค่าใช้จ่ายบริหารที่น่าจะลดลง เมื่อเทียบกับงวดก่อนที่มีการตั้งสำรองค่าตอบแทนพนักงานสูงกว่าปกติ
สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง ประเมินดีกว่าครึ่งแรกของปี 2567 ผลจากการเปิดโครงการแนวราบมากขึ้นจำนวน 16 โครงการ มูลค่า 2.28 หมื่นล้านบาท รวมถึงการส่งมอบคอนโดฯ ใหม่ 7 โครงการ รวมมูลค่า 7 พันล้านบาท (ยอดขายเฉลี่ย 45%)
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 1/67 เป็นไปตามฝ่ายวิจัยและตลาดคาด ขณะที่กำไร 2/67 คาดไม่โดดเด่น และแนวโน้มกำไรปีนี้ที่ชะลอตัวลงจากฐานสูงปีก่อน จึงไม่เห็นปัจจัยบวกขับเคลื่อนราคาหุ้นในระยะสั้น ฝ่ายวิจัย จึงคงแนะนำ “ถือ” มูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2567 ที่ 2.20 บาท
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้