ประกาศออกมาแล้ว สำหรับผลการดำเนินงาน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่ล่าสุดไตรมาสที่ 1 มีกำไรสุทธิ 3.7 พันล้าน เพิ่ม 25% ปริมาณขายน้ำมันลด แต่กำไรต่อลิตรที่เพิ่มขึ้น โดยนักวิเคราะห์เผยว่า ในไตรมาสที่ 1 OR มีกำไรขั้นต้น จากการขายน้ำมันต่อลิตร อยู่ที่ 1.12 บาทต่อลิตร โดยในไตรมาสที่ 2 กำไรรวมอาจลดลง จากการคุมราคาขายน้ำมันดีเซล การที่ภาครัฐจะเข้าควบคุมการปรับราคา
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า กำไรสุทธิไตรมาสที่ 1 ฟื้นตัวมีกำไร มาอยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท จากงวด ไตรมาสที่4 ที่เป็นกำไรเพียง 192.9 ล้านบาท โดยมีแรงหนุนจากทุกกลุ่มธุรกิจที่มีผล ประกอบการดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มธุรกิจ Mobility (กลุ่มธุรกิจ น้ำมัน-สัดส่วน 68.6% ของ EBITDA) ที่ EBITDA ฟื้นตัวมีนัยฯ มาอยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท จาก 1.2 พันล้านบาทในงวดก่อนหน้า
หนุนหลังจาก กำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตร ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.12 บาทต่อลิตร จากเดิม 0.75 บาทต่อลิตร จากการบันทึกกำไรสต๊อกน้ำมัน 330 ล้านบาท ตามทิศทางราคา น้ำมันดิบเฉลี่ยดูไบ ณ สิ้นงวดไตรมาสที่ 1 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน
รวมถึงกำไรของกลุ่ม น้ำมันสำเร็จรูปทั้งในตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ที่ปรับตัวดีขึ้น ถึงแม้ว่า ปริมาณจำหน่ายน้ำมันโดยรวมในประเทศจะปรับตัวลดลง 7.2% ลดลง มาอยู่ที่ 6.5 พันล้านลิตร กดดันจากปริมาณขายน้ำมันดีเซลในตลาดพาณิชย์ที่ลดลง รวมถึง ปริมาณขายเบนซิน และดีเซลในตลาดค้าปลีก ที่ได้รับผลกระทบจากประเด็นข่าว ปลอมเกี่ยวกับความไม่มั่นใจมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงในสถานีให้บริการ น้ำมัน PTT station ก็ตาม
ขณะที่ธุรกิจ Cafeamazonในงวดนี้ มีปริมาณขายเพิ่มขึ้น 4.2%จากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 99 ล้านแก้ว และมีการขยายสาขาเครือข่ายร้าน Cafe amazon เพิ่มขึ้น 40 สาขา, เท็กซัส ชิคเก้น 1 สาขา, และร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 14 สาขา
สำหรับทิศทางในไตรมาสที่ 2 นั้น คาดกำไรลดลงจากไตรมาสแรก กดดันหลักจากธุรกิจ Mobility ที่คาดกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรจะเริ่มปรับตัวลดลง จาก กำไรสต๊อกน้ำมันที่ลดลง และปริมาณขายโดยรวมที่คาดจะเริ่มอ่อนตัวหลังผ่านพ้นช่วงฤดูกาล เดินทางในช่วงต้นปีมาแล้ว แม้คาดจะมีแรงหนุนได้เล็กน้อยจากธุรกิจ lifestyle ที่ คาดปริมาณขาย Cafe Amazon ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง จากไตรมาสก่อน จากการเข้าสู่ช่วงฤดู ร้อนของประเทศไทย และการจับจ่ายใช้สอยโดยรวมที่เพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ
เบื้องต้น ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.1% จากปีก่อน หนุนหลังจากธุรกิจ Lifestyle ที่คาดจะมีรายได้เติบโต ต่อเนื่องจากปีก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ไทย และเป้าหมายการขยายสาขาเพิ่มขึ้น 300 สาขา/ปี ตามนโยบายของบริษัทฯ รวมถึงธุรกิจต่างประเทศที่คาดจะมียอดขายที่ยังเติบโตได้จากปีก่อน ตามภาพรวมของ เศรษฐกิจโดยรวมในต่างประเทศ ขณะที่ธุรกิจ Mobility คาดยังทรงตัวอยู่ในระดับ ใกล้เคียงเดิม เบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังกำหนดสมมติฐานให้ปริมาณขายโดยรวมทรง ตัวใกล้ปี 2566 ที่ราว 2.76 หมื่นล้านลิตร และกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ 1.0 บาท/ ลิตรภายใต้หลักความระมัดระวัง
บล.ลิเบอเรเตอร์ ประเมิน หุ้น OR ว่า งบดี แต่นโยบายยังกดดัน “แม้การดำเนินงานไตรมาสที่ 1 จะฟื้นตัว แต่นโยบายพลังงานที่ยังควบคุมราคา ขายดีเซล และไม่สามารถปรับราคาขายขึ้น สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงทําให้การดำเนินงานยังฟื้นตัวจํากัด ขณะที่แนวโน้มไตรมาสที่ 2 จะได้รับผล จากปัจจัยฤดูกาลเข้ามาอีก เราคาดนโยบายพลังงานยังเป็นปัจจัยกดดัน ต่อทั้งการดําเนินงาน และราคาหุ้นให้ฟื้นตัวได้ จำกัดหากเทียบกับหุ้นในกลุ่มพลังงานอื่นๆ