SINGTEL มองไทยเป็นโอกาส ดัน ADVANC เร่งลงทุน 5G เล็งเสนอแพ็กเกจ เพิ่มมูลค่า

เป็นที่น่าจับตาอย่างมาก สำหรับบริษัท สิงคโปร์ เทเลคอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด (Singtel) ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง ในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น ADVANC ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 23.31% หรือราว 693.35 ล้านหุ้น

ทั้งนี้ Singtel เข้าจดทะเบียน DR ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ “SINGTEL80” โดยธนาคารกรุงไทย ด้าน ผู้บริหาร เผย แนวโน้มธุรกิจปีนี้คาดเติบโตดี พร้อมหาโอกาสลงทุนในประเทศไทยต่อเนื่อง ชี้ราคาหุ้นปัจจุบันในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน เป็นโอกาสนักลงทุนไทยที่ต้องการลงทุนในตลาดโลก

ลุยโฟกัส 3 ตลาดหลักโทรคมนาคม

กาน ซียอก ฮุน กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการเงินกลุ่ม บริษัท สิงคโปร์ เทเลคอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด (Gan Siok Hoon, Managing Director, Group Finance, Singapore Telecommunications Company Limited.) เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า ในปี 2567 นี้ Singtel เชื่อว่าธุรกิจจะมีการเติบโตที่ดี โดยโฟกัสการดำเนินธุรกิจใน 3 ตลาดหลัก ได้แก่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และไทย โดยตลาดสิงคโปร์มีแนวโน้มฟื้นตัวเต็มที่จากภาคการท่องเที่ยว แม้ว่าจะเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงด้านราคา แต่บริษัทจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดไว้ได้ จากการนำเสนอความได้เปรียบด้านเครือข่าย บริการเสริม บริการผ่านหน้าร้าน รวมถึงช่องทางออนไลน์

ขณะเดียวกัน รัฐบาลสิงคโปร์ก็กำลังผลักดันการพัฒนา 5G ต่อเนื่อง ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่ออัปเกรดเครือข่ายบรอดแบนด์ระดับชาติ สู่ความเร็ว 10 กิกะบิตต่อวินาที ภายในปี 2571 พร้อมยังเห็นความต้องการแบนด์วิดธ์ในการเชื่อมต่อสูง เพื่อรองรับเทคโนโลยี Gen AI ด้วย

สำหรับตลาดโทรคมนาคมในออสเตรเลีย คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3% จากปีก่อน โดยอัตรากำไรส่วนใหญ่มาจากธุรกิจอุปกรณ์เคลื่อนที่ แม้มีการแข่งขันในอุตสาหกรรมเช่นกัน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โทรคมนาคมในออสเตรเลียมีการปรับเพิ่มราคาใหม่ ทำให้คาดว่าเห็นรายได้ที่ดีขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ในพื้นที่มือถือ (APRU)

ส่วนตลาดโทรคมนาคมในไทย เริ่มเห็นแนวโน้มเชิงบวกอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรม จากการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น จะทำให้รายได้จากอุตสาหกรรมดีขึ้น พร้อมกันนี้ เชื่อว่าการให้บริการ 5G และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ประจำที่ (Fixed Broadband) จะเป็นปัจจัยการเติบโตที่สำคัญ

ถือหุ้น ADVANC เชิงกลยุทธ์ เล็งหาโอกาสลงทุนในไทยเพิ่ม

กาน ซียอก ฮุน กล่าวอีกว่า อย่างที่ทราบกันดีว่า Singtel ลงทุนใน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น ADVANC ไม่ใช่ในฐานะผู้ถือหุ้นทางการเงิน แต่ลงทุนในฐานะผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ โดยได้จับตาดูประเทศไทยอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ปี 2542 และความร่วมมือดังกล่าว ช่วยให้มั่นใจได้ว่า จะสามารถส่งมอบบริการที่เป็นประโยชน์บนความเข้มแข็งของกลุ่มบริษัท เพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศไทย 

และต่อจากนี้ไป บริษัทมีความมุ่งมั่นอย่างมากต่อการเติบโตของเอไอเอส เพื่อที่จะได้มีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ดังนั้น เอไอเอสจะยังคงเป็นการลงทุนและกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับเรา อย่างไรก็ดี บริษัทจะประเมินโอกาสการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยต้องพิจารณาเงื่อนไข และราคาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ระยะยาว

ชี้ราคาหุ้นมีส่วนลด เป็นโอกาสนักลงทุนไทย

ผู้บริหาร เล่าว่า Singtel เป็นบริษัทที่มีอายุกว่า 140 ปี และเป็นผู้นำในกลุ่มเทคโนโลยีการสื่อสาร ที่ลงทุนและดำเนินงานไม่เฉพาะในสิงคโปร์และออสเตรเลียเท่านั้น แต่ยังขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดในภูมิภาคด้วย โดยเฉพาะในประเทศไทย อินโดนีเซีย อินเดีย และฟิลิปปินส์

ด้วยสัดส่วนกำไรสุทธิมากกว่า 80% มาจากการดำเนินธุรกิจต่างประเทศ ทำให้ Singtel มีความหลากหลายและแข่งขันได้ในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ Singtel ยังมีผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลที่หลากหลาย เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัล ธนาคารดิจิทัล และธุรกิจความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครอบคลุม

ทั้งนี้ Singtel ยังเน้นถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงและการทำธุรกิจในระบบดิจิทัล ซึ่งเป็นแนวทางการลงทุนที่สำคัญในปัจจุบัน ผ่านการให้บริการที่หลากหลายและการลงทุนในพื้นที่ใหม่เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะ

“หุ้น Singtel กำลังซื้อขายด้วยส่วนลดจำนวนมากในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และเชื่อว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้ามาในตลาดโลก ซึ่ง Singtel ยังมีความมั่นใจว่าการขยายตัวของอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการเติบโตของบริษัทในอนาคต” กาน ซียอก ฮุน กล่าวทิ้งท้าย