หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 124.50 บาท บวก 0.50 บาท, ADVANC ปิด 210 บาท บวก 1 บาท, PTTEP ปิด 154.50 บาท บวก 0.50 บาท, AOT ปิด 65 บาท ลบ 1 บาท, CPALL ปิด 56.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
บล.โกลเบล็ก มองทิศทางหุ้นไทยสัปดาห์นี้ Sideway Up ให้กรอบดัชนี 1,370-1,420 จุด ได้แรงหนุนจากการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบรายจ่ายปี 67 (เพิ่มเติม) และราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ทรงตัวสูง หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน และยังได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ล่าสุดรายงานยอดค้าปลีก เดือน ม.ค.-ก.พ.67 ปรับขึ้น 5.5% ดีกว่าโพลสำรวจของรอยเตอร์ ที่คาดว่าจะเพิ่ม 5.2% ขณะที่ยอดค้าปลีกออนไลน์พุ่งขึ้น 14.4%
ด้านโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป คาดการณ์ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบที่ใช้มานับตั้งแต่ปี 50 และประกาศขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก ขณะที่ รมว.พาณิชย์สหรัฐฯ แสดงความสนใจลงทุนในไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งไทย-สหรัฐฯเตรียมตั้งคณะทำงานหารือในรายละเอียดร่วมกัน ขณะที่ต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่จะมีการแถลงมติอัตราดอกเบี้ยเช้าวันที่ 21 มี.ค.
ปัจจัยในประเทศปีนี้ ททท.จะสนับสนุนการจัดอีเวนต์คอนเสิร์ต ผ่านการให้งบประมาณและอำนวยความสะดวกในการจัดแสดง เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยไม่เคยหลับไหลด้วยเทศกาลดนตรีและเทศกาลอื่นๆ แต่ยังต้องจับตาปัจจัยที่ยังคงกดดันความเชื่อมั่นการลงทุนต่อเนื่อง
แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบ ประมาณรายจ่ายปี 67 (เพิ่มเติม) ที่คาดว่าจะเร่งเบิกจ่ายได้เร็วขึ้น โดยหุ้น ที่ได้อานิสงส์จากปัจจัยนี้ ได้แก่ CK, STEC, TASCO และ CRANE
ส่วนทิศทางทองคำสัปดาห์นี้ คาดราคาเคลื่อนไหว Sideway up ในกรอบ 2,120-2,180 ดอลลาร์/ออนซ์ ยังได้โมเมนตัมเชิงบวกจากการปรับขึ้นตลอดเดือน มี.ค. และความตึงเครียดสงคราม ให้ติดตามถ้อยแถลงของประธาน ECB และจับตาถ้อยแถลงของประธาน FED เพื่อดูทิศทางดอกเบี้ยเพิ่มเติม
อาจมีแรงขายทำกำไร หากราคาทองปรับขึ้นไม่ผ่านแนวต้าน 2,200 ดอลลาร์/ออนซ์ แนะทยอยเทขายทำกำไร!!
อินเด็กซ์ 51