บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น TOP รายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าปี 2566 กลุ่มไทยออยล์มีกําไรสุทธิ 19,443 ล้านบาท ลดลง 13,225 ล้านบาท หรือ -40.48% จากปีก่อนที่ทำได้ 32,668 ล้านบาท
โดยกลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 459,402 ล้านบาท ลดลง 46,301 ล้านบาท สาเหตุจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับ ลดลงตามราคาน้ํามันดิบ นอกจากนี้ ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับราคาน้ํามันดิบดูไบเกือบทุกผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลงจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงและอุปทานที่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งด้านส่วนต่างระหว่างราคาน้ํามันหล่อลื่นพื้นฐานกับน้ํามันเตาปรับตัวลดลงจากอุปทานที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงอัตรากําไรขั้นต้นของกลุ่มธุรกิจผลิตสาร LAB ปรับตัวลดลงจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างราคาสารพาราไซลีนกับน้ํามันเบนซิน 95 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากอุปสงค์สารพาราไซลีนที่ดีกว่าปี 2565 ประกอบกับส่วนต่างราคายางมะตอยกับน้ํามันเตาปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้ในภาพรวมมีกําไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ํามันลดลง 3.4 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 10.0 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล
นอกจากนี้ในปี 2566 ยังมีขาดทุนจากสต๊อกน้ํามัน 808 ล้านบาท เทียบกับกําไรจากสต๊อกน้ํามัน 3,613 ล้านบาทในปี 2565 ในขณะที่มีรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ํามันดิบและน้ํามันสําเร็จรูป 125 ล้านบาท ขาดทุนจากการปรับลดมากขึ้น 115 ล้านบาท จากปีก่อน
เมื่อรวมขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงสุทธิ 2,493 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 13,348 ล้านบาทจากปีก่อน (รวมเฉพาะ รายการที่เกิดจากการป้องกันความเสี่ยงราคาสินค้าโภคภัณฑ์) ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มี EBITDA 35,453 ล้านบาท ลดลง 1,734 ล้านบาท
อีกทั้ง กลุ่มไทยออยล์มีขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงิน 356 ล้านบาท แต่มีผลกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 213 ล้านบาทจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า (โดยเป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิของสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศจํานวน 485 ล้านบาท)
ส่วนไตรมาสที่ 4/66 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 2,944 ล้านบาท หรือ 1.32 บาทต่อหุ้น ลดลง 7,884 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน โดยมีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 3/66 ซึ่งเป็นผลจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล (SBM-2) ในเดือนกันยายน 2566
อย่างไรก็ตาม กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 115,336 ล้านบาท ลดลง 4,320 ล้านบาท ตามราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากอุปทานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นของหลายผลิตภัณฑ์ และมีกําไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ํามันอยู่ที่ 8.6 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล ลดลง 5.0 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรลจากไตรมาสที่ผ่านมา สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับราคาน้ํามันดิบดูไบเกือบทุกผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลงจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นภายหลังโรงกลั่นหลายแห่งที่ปิดซ่อมบํารุง ในไตรมาส 3/66 เริ่มทยอยกลับมาเปิดดําเนินการ
ด้านตลาดสารอะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้น จากทั้งส่วนต่างราคาสารพาราไซลีนและส่วนต่าง ราคาสารเบนซีนกับน้ํามันเบนซิน 95 ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการสิ่งทอและเสื้อผ้าสําหรับฤดูหนาว รวมถึงความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ เครื่องดื่ม (PET) ที่ปรับสูงขึ้นในช่วงปีใหม่ อีกทั้ง ส่วนต่างราคาน้ํามันหล่อลื่นพื้นฐานกับน้ํามันเตาปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการใช้น้ํามันหล่อลื่นพื้นฐานที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังผ่านช่วงฤดูฝน และอุปทานที่จํากัดจากปริมาณการส่งออกของญี่ปุ่นที่ลดลง รวมถึงส่วนต่างราคายางมะตอยกับน้ํามันเตาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาน้ํามันเตาที่ปรับลดลงในช่วงปลายปี
ทั้งนี้ราคาน้ํามันดิบในไตรมาส 4/66 ที่ปรับตัวลดลงจากไตรมาส 3/66 จากความต้องการใช้น้ํามันปรับตัวลดลงจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ประกอบกับเศรษฐกิจจีนเติบโตช้ากว่าคาดการณ์ ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มีขาดทุนจากสต๊อกน้ํามัน 5,178 ล้านบาทในไตรมาส 4/66 เทียบกับผลกําไรจากสต๊อกน้ํามัน 9,638 ล้านบาทในไตรมาสก่อน และมีกําไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกน้ํามันอยู่ที่ 3.6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 4/66 ลดลง 19.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจากไตรมาส 3/66
ขณะที่มีการกลับรายการมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ํามันดิบและน้ํามันสําเร็จรูป 1,841 ล้านบาทในไตรมาส 4/66 เทียบกับรายการปรับลดมูลค่าสินค้า คงเหลือน้ํามันดิบและน้ํามันสําเร็จรูป 1,773 ล้านบาทในไตรมาส 3/66 เมื่อรวมผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงสุทธิ (รวมเฉพาะรายการที่เกิดจากการป้องกันความเสี่ยงราคาสินค้าโภคภัณฑ์) 781 ล้านบาทแล้ว กลุ่มไทยออยล์มี EBITDA 3,681 ล้านบาท ลดลง 15,292 ล้านบาท จากไตรมาสที่ผ่านมา
ทั้งนี้ในไตรมาส 4/66 กลุ่มไทยออยล์มีผลกําไรจากเครื่องมือทางการเงินจํานวน 1,700 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินจํานวน 2,028 ล้านบาทในไตรมาส 3/66
นอกจากนี้ มีผลกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,175 ล้านบาท (โดยเป็นกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ ของสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศจํานวน 806 ล้านบาท) ในไตรมาส 4/66 เทียบกับขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 517 ล้านบาทในไตรมาส 3/66
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้