บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น CPALL ปัจจุบันเป็นที่น่าจับตา หลังราคาหุ้นปรับตัวลดลงมา จนนักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายแห่งต่างเห็นตรงกันว่า “อยู่ในระดับที่น่าสนใจ” วันนี้ “Thairath Money” จะพาไปส่องอนาคต CPALL ว่าแนวโน้มการเติบโตในปี 2567 นี้จะเป็นอย่างไร และจะน่าสนใจลงทุนมากแค่ไหน หลังภาครัฐเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า คาดกำไรปกติไตรมาส 4/66 ที่ 4.9 พันล้านบาท หรือเติบโต 68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตได้ 14% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/66 ถือเป็นจุดสูงสุดของปี จากการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม หรือ SSSG ที่คาดว่าจะเติบโต 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน พร้อมกับการฟื้นตัวของกำไรจากบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น CPAXT ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า Makro และ Lotus’s
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรปกติในปี 2567 จะขยายตัวได้ที่ระดับ 26% จากปี 2566 โดยไม่รวมปัจจัยจากมาตรการ Digital Wallet โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายกลุ่มอาหารพร้อมทาน กลุ่มของใช้ส่วนตัว ที่เติบโตตามการเดินทางที่เพิ่มขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่ลดลง
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น CPALL ในช่วงตั้งแต่ต้นไตรมาส 4/66 ถึงปัจจุบัน ปรับตัวลดลงกว่า 3.5% ซึ่งลดลงมากกว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ที่ -4% ในช่วงเวลาเดียวกัน ดังนั้น ยังมองเป็นโอกาสในการเข้าสะสม ระหว่างความไม่ชัดเจนเรื่อง Digital Wallet
ด้าน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจาก CPALL มีแนวโน้มกำไรเติบโตชัดเจน ขณะที่ราคาหุ้นมี Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยหุ้นซื้อขายที่ P/E ปี 2567 ที่ 23 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีอยู่ -2 SD ทั้งนี้ ราคาหุ้นที่ลดลงน่าจะมาจากกระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออก และความกังวลภาระหนี้ที่สูง อย่างไรก็ตาม ยังเห็นว่าปัจจัยพื้นฐานของ CPALL ยังคงแข็งแกร่ง
โดยประเมินกำไรของ CPALL มีแนวโน้มยังแข็งแกร่ง และสามารถเติบโตได้ 29% ในปี 2566 แตะ 1.71 หมื่นล้านบาท และเติบโต 19% สู่ระดับ 2.03 หมื่นล้านบาทในปี 2567 โดยประเมิน SSSG ของร้าน 7-Eleven ที่ 5.5% ในปี 2566 และ 3% ในปี 2567 จากจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ CPALL จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/66 ในวันที่ 23 ก.พ. นี้ ประเมินว่าฐานะการเงินของ CPALL ยังคงแข็งแกร่ง คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิจะอยู่ที่ 0.8 เท่าในปี 67 เทียบกับ Bond covenant 2.0 เท่า
นอกจากนี้ โมเมนตัมยอดขายของร้าน 7-Eleven ยังคงแข็งแกร่งในไตรมาส 1/67 โดย SSSG จากต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 3-4% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากโครงการ Easy E-Receipt ซึ่งสนับสนุนการใช้จ่ายกับธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยที่ร้าน 7-Eleven ได้รับการตอบรับดีจากโครงการดังกล่าวเนื่องจากมีระบบที่สะดวก นอกจากนั้น คาดว่า SSSG ของไตรมาส 1/67 มีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์จากการมีวันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวันในเดือน ก.พ. 67
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2566-2567 ขึ้น 2.6% และ 0.1% ตามลำดับ จากผลงาน CPAXT ที่ดีกว่าคาด และคงประมาณปี 2568 จากการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีกที่ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด และอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่มี Product mixed ที่ดีขึ้น หนุนจากกลุ่มสินค้าพร้อมทานและของใช้ส่วนตัว ที่มีสัดส่วนการขายสูงขึ้น ตามการเข้าสู่ช่วง High season ของการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ แนวโน้มเติบโตต่อเนื่องคาดกำไรปกติเติบโตเฉลี่ย 3 ปี 16% ภาพระยะสั้นของ CPALL ยังเป็นไปในทิศทางเติบโตต่อเนื่อง โดย SSSG ไตรมาสแรกของธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังเป็นบวกได้ราว 2-3%, ธุรกิจค้าส่ง โต 2-3% และธุรกิจค้าปลีก โต 1% ปี 2567 เชื่อว่า SSSG ยังสามารถเติบโตได้ระดับ 3-5% ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ หนุนจากการบริโภคในประเทศและภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว รวมถึงมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง
โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 77 บาท ปัจจุบัน Valuation น่าสนใจ ซื้อขายบน Forward P/E ที่ราว 23.7 เท่า บนการคาดการณ์ว่ากำไรปกติของปี 2567-2568 เติบโต 16.4% และ 21% ตามลำดับ หนุนจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่ยังขยายสาขาต่อเนื่องทั้งในไทย 700 สาขา กัมพูชา 30-40 สาขา และลาว 2-3 สาขา รวมถึงการเห็นความร่วมมือของ Makro และ Lotus’s มากขึ้น
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้