KKP แนะปรับพอร์ตรับเศรษฐกิจโตช้า “ตราสารหนี้” น่าลงทุน ดอกเบี้ยสูง ผลตอบแทนมากสุดรอบ 10 ปี

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

KKP แนะปรับพอร์ตรับเศรษฐกิจโตช้า “ตราสารหนี้” น่าลงทุน ดอกเบี้ยสูง ผลตอบแทนมากสุดรอบ 10 ปี

Date Time: 23 ม.ค. 2567 10:44 น.

Video

บุกโรงงาน PANDORA ช่างไทยผลิตจิวเวลรี่ แบรนด์โลกแสนล้าน | On The Rise

Summary

  • ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูง KKP แนะปรับพอร์ต ชี้ “ตราสารหนี้” น่าลงทุนสุด ตอบแทนมากสุดรอบ 10 ปี ขณะที่กลยุทธ์การจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ถือเป็นเรื่องสำคัญ

Latest


ภายใต้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูง ถือเป็นปัจจัยท้าทายสำหรับการลงทุนในปี 2567 นี้ ดังนั้น กลยุทธ์การจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะสามารถลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอน และให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ


เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า..ดอกเบี้ยค้างสูง


ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ แต่ในภาพรวมคาดว่าจะอยู่ในภาวะชะลอตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน จากการถอนการกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น


ส่วนเศรษฐกิจไทย เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวช้าต่อเนื่อง โดยภาคการท่องเที่ยวและส่งออก ถือเป็นความหวังสำคัญ โดยประเด็นสำคัญของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่การเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มโตช้า ทั้งจากปัญหาโครงสร้างประชากร และความสามารถความสามารถในการแข่งขัน

อีกประเด็นที่สำคัญ คือนโยบายรัฐที่ยังมีความไม่แน่นอนพอสมควร โดยเฉพาะนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องระมัดระวังนโยบายการเงินมากขึ้น โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ที่ระดับ 2.9-3.7%


แนะลงทุนเต็มอัตรา..ตราสารหนี้น่าลงทุนสุด


ด้าน ทวีศักดิ์ เผ่าพัลลภ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ในปี 2567 แนะนำลงทุนเต็มอัตรา โดยมองว่า “ตราสารหนี้ทั่วโลก” เป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนที่สุดในปีนี้ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีผลตอบแทนไม่แพ้การลงทุนในหุ้น จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับสูง ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตร มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี 


ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย คาดว่าจะเห็นการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนได้ที่ระดับ 10% ปัจจุบันมองว่ามี Valuation ที่ไม่แพง มีอัตราส่วน P/E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยระยะยาว พร้อมกับยังมีปัจจัยหนุนที่สำคัญอีกมาก


อย่างไรก็ตาม KKP แนะนำเพิ่มน้ำหนัก (Overweight) ในตลาดหุ้นไทยครั้งแรกในรอบ 15 ปี โดยมองระยะสั้น 1 ปี มีโอกาสปรับตัวขึ้นมากกว่าปรับตัวลง โดยประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทย หรือ SET index ที่ 1,400 จุด พร้อมกันนี้ แนะนำลงทุนหุ้นในตลาดเกิดใหม่นอกตลาดหุ้นจีน เช่น ตลาดหุ้นอินเดีย ที่มีความน่าสนใจ จากสามารถเติบโตได้ถึงโต 7%


แนวทางจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยง


ทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า การลงทุนโดยเน้นกระจายความเสี่ยงไปในหลายสินทรัพย์ หรือ Asset Allocation ยังสามารถใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแนะนำให้มีการจัดพอร์ตการลงทุนอย่างรอบคอบ ดังนี้


ลงทุนในตราสารหนี้ หรือหุ้นกู้ประเภท Credit จะช่วยให้พอร์ตมีรายรับ และมีอัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจขึ้นเมื่อเทียบกับความเสี่ยง
ลงทุนในสินทรัพย์ที่จับต้องได้ หรือ Real Asset จะช่วยลดความเสี่ยงเงินเฟ้อ โดยปัจจุบันมูลค่าของสินทรัพย์ที่จับต้องได้อยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ทางการเงิน
ลงทุนหุ้นในกลุ่มที่มีคุณภาพสูง คือ มีผลตอบแทนระยะยาวที่ดี มีกำไรสม่ำเสมอ และมีงบดุลที่แข็งแกร่ง ซึ่งจากข้อมูลย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา หุ้นที่มีคุณภาพสูงมักให้ผลตอบแทนดีกว่าดัชนีหุ้นโลกโดยรวม

สำหรับคำแนะนำตามรายอุตสาหกรรม KKP มีมุมมองด้านบวกต่ออุตสาหกรรมกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ (Semi-Conductor), กลุ่มพลังงาน Energy, กลุ่มสื่อสาร (Communication Service) และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Staples)

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ