ส่องอนาคต BANPU ลุยโครงการพลังงานอัจฉริยะ หนุนกำไรโตระยะยาว

ส่องอนาคต บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BANPU ผู้ประกอบการพลังงานแบบครบวงจร ท่ามกลางราคาก๊าซ และถ่านหิน ที่ผันผวนอย่างหนัก ประกอบกับการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า อาจเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตผลประกอบการหรือไม่

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ต่างมองว่า การเปิดใช้โครงการดักจับ และกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) แห่งแรก และการลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานอัจฉริยะของบริษัทย่อยอย่าง “บ้านปู เน็กซ์” จะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกการเติบโตในระยะยาวของบริษัทอย่างน่าสนใจ

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สำหรับไตรมาส 4/66 แม้ธุรกิจไฟฟ้าจะชะลอตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากคลื่นความร้อนในสหรัฐฯ สิ้นสุด และแผนปิดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้า Temple I และ II รวมทั้งราคาถ่านหินลดลงจากอุณหภูมิยังไม่หนาวเย็น อย่างไรก็ตามคาดกำไรไตรมาส 4/66 ประคองตัวได้จากไตรมาสก่อน และเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ปริมาณขายถ่านหิน ITM สูงขึ้น 2) แผนย้ายหน้างาน LW Relocation ของบริษัทย่อย Centennial Coal Company Limited (CEY) ลดลง 3) รับรู้การปรับขึ้นสัญญาราคาถ่านหินในประเทศของ CEY เต็มไตรมาส 4) ราคาก๊าซธรรมชาติสูงขึ้นช่วงไฮซีซั่นของอุปสงค์ และ 5) แผนปิดซ่อมโรงไฟฟ้าหงสาลดลง

ทั้งนี้ ปรับสมมติฐานปี 2566-2567 ให้ระมัดระวังมากขึ้น เพื่อสะท้อนงบ 9 เดือนแรกของปี 2566 ที่ได้รับผลกระทบจากภาษีจ่ายสูงกว่าคาด และปัญหาธรณีวิทยาของ CEY ส่งผลให้ปริมาณผลิตถ่านหินต่ำกว่าคาด และต้นทุนผลิตสูงกว่าคาด ปรับกำไรสุทธิปี 2566-2567 ลง 10-28% เป็น 9.4 พันล้านบาท และ 8.5 พันล้านบาท ตามลำดับ

นอกจากนี้การเริ่มเปิดใช้งานโครงการ CCS แห่งแรก (Barnett Zero) ความสามารถการกักเก็บคาร์บอน 2.1 แสนตัน/ปี ยังเป็นไปตามกำหนดช่วงไตรมาส 4/66 แม้กำลังผลิตไม่สูงมาก และไม่ส่งผลต่อฐานรายได้-กำไรในปัจจุบันอย่างมีนัย

ขณะเดียวกันมองว่าโครงการ CCS เป็นเทคโนโลยีสำคัญต่ออุตสาหกรรมพลังงานในอนาคต โดย BANPU จะเป็นบริษัทไทยรายแรกที่สามารถดำเนินโครงการดังกล่าว โดยภายหลังเปิดใช้งานแล้ว สามารถรับรู้รายได้ตามแผน จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้น นำไปสู่การ Scale-up โครงการถัดไปๆ ช่วยเพิ่มสัดส่วน และความสำคัญต่อฐานกำไรรวม

โดยแนะนำเก็งกำไรช่วงฤดูหนาวประเมินราคาเหมาะสมใหม่ 9.00 บาท/หุ้น อ้างอิง P/BV 0.7 เท่า ลดคำแนะนำเป็น “TRADING” แม้หุ้นมีมูลค่าไม่แพง และสามารถเก็งกำไรคาดหวังการฟื้นตัวช่วงฤดูหนาวได้ แต่เชิงกลยุทธ์อาจรอจังหวะลงทุนช่วงหุ้นอ่อนตัว เพราะระยะสั้นอาจผันผวนจากไตรมาส 3/66 ต่ำกว่าที่ตลาดคาด และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดลดลงมากในช่วงที่ผ่านมา อาจมีผลต่อการปรับน้ำหนักดัชนีต่างๆ

ด้าน บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กำไรหลักของบริษัทในไตรมาส 4/66 มีแนวโน้มลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกำไรที่ลดลงจากธุรกิจถ่านหินและก๊าซ เพราะราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง แต่กำไรหลักมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/66 หนุนโดยกำไรจากธุรกิจถ่านหินและก๊าซที่เพิ่มข้ึน (ราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มข้ึน)

ทั้งนี้ จากผลประกอบการไตรมาส 3/66 ที่ออกมาดีกว่าคาด จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ขึ้น 74% มาอยู่ที่ 9,902 ล้านบาท ดังนั้นราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2567 จึงปรับเพิ่มข้ึนจาก 8.20 บาท มาอยู่ที่ 8.80 บาท

อย่างไรก็ตาม คาดการณ์การเติบโตของกำไรหลักในไตรมาส 4/66 หนุนโดยอุปสงค์ถ่านหินช่วงไฮซีซั่นก่อนฤดูหนาว น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป นอกจากนี้อาจมีอัปไซด์ต่อกำไรระยะยาวของบริษัท จากการลงทุนใหม่ในธุรกิจพลังงานอัจฉริยะ (Banpu NEXT) มูลค่าหุ้นในปัจจุบันยังอยู่ในระดับน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ P/BV ณ สิ้นปี 2567 ที่ 0.6 เท่า อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.2 เท่า

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/ThairathMoney