‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ส่อแววเลื่อน อาจกดดันตลาดหุ้น โบรกฯ แนะสะสมหุ้นกำไร 4Q โตเด่น

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ส่อแววเลื่อน อาจกดดันตลาดหุ้น โบรกฯ แนะสะสมหุ้นกำไร 4Q โตเด่น

Date Time: 18 ม.ค. 2567 10:51 น.

Video

ดร.พิพัฒน์ KKP กระเทาะโจทย์เศรษฐกิจไทย บุญเก่าเจอความเสี่ยง บุญใหม่มาไม่ทัน

Summary

  • โครงการดิจิทัลวอลเล็ตส่อแววไม่ทันไทม์ไลน์เวลาเดิม นักวิเคราะห์ชี้อาจกดดันตลาดหุ้นและหุ้นที่เคยได้รับ Sentiment เชิงบวกก่อนหน้า แนะสะสมหุ้นที่กำไรไตรมาส 4/66 มีโอกาสเติบโตโดดเด่น

Latest


เป็นที่น่าจับตา สำหรับการเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) หรือ การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของรัฐบาล ที่มีโอกาสไม่ทันไทม์ไลน์เวลาเดิม คือ การแจกเงินช่วง เดือนพฤษภาคม 2567 ที่กระชั้นชิดเข้ามาทุกทีแล้ว โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า อาจมีโอกาสขยับกรอบเวลาไปเป็น มิถุนายน 2567 เนื่องจาก มีร่างหนังสือ ของ ป.ป.ช.ท้วงติง ที่ต้องนำมาศึกษาพิจารณาเพิ่มเติมด้วย 


นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเด็นดังกล่าวสร้าง Sentiment เชิงลบต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย และหุ้นที่เคยได้ Sentiment เชิงบวกมาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามหากนโยบายดังกล่าวไม่เกิดขึ้นจริง ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีต่อฐานะการเงินของประเทศในระยะถัดไป เนื่องจากจะทำให้ภาระทางการคลังเบาลง และสามารถมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในระยะถัดไป หนุนให้เงินบาทเร่งตัวแข็งค่าในอนาคต เพราะหากรัฐบาลกู้หนี้เพิ่มหนี้อีก 5 แสนล้านบาท จะทำให้หนี้สาธารณะ หรือ Public Debt/GDP สูงสู่ระดับ 65% ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 62.14%


โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะโดนผลกระทบหากนโยบาย ดิจิทัลวอลเล็ต เลื่อนออกไป ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL, ERW) กลุ่มอาหาร (MINT, M, AU) กลุ่มห้างสรรพสินค้า (CPN) กลุ่มการเงินและโฆษณา (KTC, AEONTS) กลุ่มอุปโภค/บริโภค (CPAXT, HMPRO, ADVANC, COM7, CRC, CPALL, BJC, CBG, OSP) เป็นต้น


อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยจะเริ่มทยอยเข้าสู่ฤดูกาลประกาศงบปี 2566 ซึ่งอาจทำให้ตลาดหุ้นผันผวนได้ สำหรับการรายงานงบธนาคารพาณิชย์งวดไตรมาส 4/66 ซึ่งคาดกำไรสุทธิกลุ่มธนาคารจำนวน 8 ธนาคาร ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท และสัปดาห์ถัดๆ ไปจะมีการทยอยประกาศงบออกมาเรื่อยๆ


ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการรวบรวมข้อมูลกำไรบริษัทจาก Bloomberg Consensus ทั้งหมด 216 บริษัท ซึ่งมีสัดส่วน 82% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมตามราคาตลาด มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.16 แสนล้านบาท ลดลง -15.4% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 36.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน


ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยผันผวน แนะนำกลยุทธ์การลงทุน เน้นสะสมหุ้นที่กำไรไตรมาส 4/66 มีโอกาสเติบโตโดดเด่นทั้งจากไตรมาสก่อน และจากช่วงเดียวกันของปีก่อน อาทิ

  1. บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น CPAXT
  2. บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น ITC
  3. บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น INTUCH
  4. บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น ADVANC
  5. บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SCCC
  6. บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น MAJOR
  7. บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SCGP

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ