ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างพิจารณาเสนอ ครม.ให้ต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์จาก 2% เหลือ 1% และจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับราคาซื้อขายและราคาประเมินที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท สำหรับปี 67 (จากเดิมที่จะสิ้นสุดในปี 66) พร้อมต้องการให้ ธปท.ผ่อนปรนเกณฑ์ LTV โดยผู้ซื้อสามารถกู้ได้ 100% ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังที่เท่าไร หรือราคาเท่าไร เนื่องจาก
มีมุมมองเป็นกลางต่อแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากเป็นการขยายอายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองออกไปอีก 1 ปีสำหรับปี 67 และยังคงกำหนดสิทธิสำหรับราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งอาจไม่ได้ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯได้มากนัก เนื่องจากระดับราคาบ้านกลุ่มนี้ มีสัดส่วนไม่เกิน 30% ของมูลค่าทั้งตลาดรวม แต่หากมีขยายเพดานสิทธิสู่บ้านราคาไปถึง 5 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย น่าจะครอบคลุมได้วงกว้างมากกว่า เนื่องจากบ้านระดับ 5 ล้านบาทขึ้น คิดเป็น 50–60% ของตลาดรวม
ฝ่ายวิจัย ให้น้ำหนักต่อประเด็นเรื่องการผ่อนปรน LTV ว่าจะมีผลต่อกลุ่มอสังหาฯ ในเชิงบวกมากกว่ามาตรการลดค่าโอนและจดจำนอง เนื่องจากเดิมการเกิดขึ้นของมาตรการ LTV ก็เพื่อหวังสกัดกั้นการเก็งกำไร แต่ด้วยโควิดที่เกิดขึ้น และการให้ความสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก ทำให้ ธปท.ผ่อนคลาย LTV ตั้งแต่ 20 ต.ค.64-สิ้นปี 65 ก่อนกลับมาใช้เกณฑ์มาตรการ LTV แบบเดิมในปี 66 หลังโควิด-19 คลี่คลายลง
การเกิดขึ้นของ LTV ทำให้ผู้ซื้อบ้านถูกจำกัดการกู้ลง โดยเฉพาะบ้านหลังที่ 2-3 กู้ ได้เพียง 70-90% และการเข้มงวดมากขึ้นของการปล่อยสินเชื่อของแบงก์, ปัญหาเงินเฟ้อ และทิศทางดอกเบี้ยสูงในปีนี้ รวมถึงเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปีนี้ชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับกลาง-ล่าง ได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มกลาง-บน
คงแนะนำลงทุนเท่าตลาด เลือกหุ้นเด่นที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแรง มีสินค้ากระจายตัวทั้งแนวราบและคอนโดฯ รวมถึงพอร์ตลูกค้าหลากหลาย ตลอดจนปันผลจูงใจ ได้แก่ AP (FV@16.00), SPALI (FV@27.30), SC (FV@4.80), LH (FV@B10.00) และ SIRI (FV@2.20)
อินเด็กซ์ 51
คลิกอ่านคอลัมน์ “เงาหุ้น” เพิ่มเติม