กองทุน TESG เปิดขาย 8 ธ.ค.นี้  คาดดูดเม็ดเงิน 1 หมื่นล้าน ชี้ถูกจังหวะ ราคาหุ้นน่าสนใจ

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

กองทุน TESG เปิดขาย 8 ธ.ค.นี้ คาดดูดเม็ดเงิน 1 หมื่นล้าน ชี้ถูกจังหวะ ราคาหุ้นน่าสนใจ

Date Time: 29 พ.ย. 2566 16:04 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • Thailand ESG Fund คาดว่าจะสามารถเสนอขายได้ในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ และมีเม็ดเงินลงทุนจำนวน 10,000 ล้านบาท

Latest


กอบศักดิ์ ภูตระกูล  ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า กองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thailand ESG Fund คาดว่าจะสามารถเสนอขายได้ในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ และมีเม็ดเงินลงทุนจำนวน 10,000 ล้านบาท โดยคาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุน เนื่องจากเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายให้ความสำคัญ และเชื่อว่าจะทำให้บริษัทจดทะเบียนเห็นถึงความสำคัญ และเร่งพัฒนาตัวเองให้เข้าเงื่อนไขมากขึ้น


ขณะเดียวกัน มองว่าการลงทุนในกองทุน Thailand ESG Fund ถือเป็นจังหวะในการลงทุนที่ดี จากปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจและมีอัพไซด์อีกมาก มั่นใจว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว แม้ระยะสั้นมองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวน จากผลประกอบการที่ลดลงของบริษัทจดทะเบียน และกระแสเงินลงทุนไหลออกจากมาตรการ QT ของธนาคารกลางสหรัฐฯ


อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้ในช่วงกลางปี 2567 เป็นต้นไป จากการทยอยลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ทำให้ภาวะการเงินตรึงตัวลดลง และหนุนให้เศรษฐกิจโลกในปีหน้าฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปีนี้เช่นกัน


ส่วนแนวทางการพิจารณาปรับเกณฑ์ระยะเวลาส่งมอบหลักทรัพย์เป็นภายในวันที่ 2 ถัดจากวันขายหลักทรัพย์ (T+2) นั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากจะช่วยสร้างสภาพคล่องในตลาดได้มากขึ้น โดยเป็นการลดระยะเวลาและต้นทุนของนักลงทุน ซึ่งถือเป็นการปรับเพื่อสอดรับเทคโนโลยีโลกการเงินยุคใหม่


กอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยยังมีความท้าทาย และยังขาดเสน่ห์ จากบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ยังอยู่ในอุตสาหกรรมเก่า ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากคือ กลุ่มเทคโนโลยี จึงเป็นโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจกลับมา หากองค์ประกอบของตลาดหุ้นไทยยังไม่ก้าวสู่อนาคต จะทำให้ตลาดหุ้นไทยเล็กลงเรื่อยๆ


ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันด้วยหลายปัจจัย ทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูง กระแสเงินทุนไหลออก มาตรการ QT ของสหรัฐฯ ปัญหาเชิงเศรษฐกิจในภูมิภาค และกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ลดลง


ดังนั้น มองว่าบริษัทจดทะเบียนไทยควรได้รับการสนับสนุน การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากขึ้น ซึ่งสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเปลี่ยนองค์ประกอบของตลาดทุนไทยให้น่าสนใจมากขึ้นได้


นอกจากนั้น  มองว่าความร่วมมือของทุกหน่วยงานภาครัฐเป็นสิ่งสำคัญ ในการปรับปรุงกฎเกณฑ์ หรือกฎหมายต่างๆ ที่จะสามารถเปิดโอกาสและดึงดูดให้บริษัทเทคโนโลยีเข้ามาลงทุนตรงในประเทศไทยได้ เช่น มาตรการภาษี, มาตรการกระตุ้นการลงทุน BOI เป็นต้น


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ