จับตารายย่อยนัดหยุดเทรด 20 พ.ย.นี้ เซ่นวิกฤติความเชื่อมั่น หลัง Short Sell-ระบบ HFT ถล่มตลาดหนัก

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

จับตารายย่อยนัดหยุดเทรด 20 พ.ย.นี้ เซ่นวิกฤติความเชื่อมั่น หลัง Short Sell-ระบบ HFT ถล่มตลาดหนัก

Date Time: 14 พ.ย. 2566 13:33 น.

Video

บิทคอยน์ VS เงินในกระเป๋าเกี่ยวกันยังไง ? | Digital Frontiers

Summary

  • จับตากระแสข่าวการนัดหมายเพื่อหยุดซื้อขายหุ้นไทยของนักลงทุนรายย่อย ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ หลังการทำธุรกรรม Short Sell และการใช้ระบบส่งคำสั่งซื้อขายความถี่สูง (HFT) ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนอย่างหนัก

Latest


เป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับกระแสข่าวการนัดหมายเพื่อหยุดซื้อขายหุ้นไทยของนักลงทุนรายย่อย ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อผู้กำกับดูแลตลาดทุน หลังตลาดหุ้นไทยเผชิญวิกฤติความเชื่อมั่นอย่างหนัก จากทั้งการทำธุรกรรม Short Sell และการใช้ระบบส่งคำสั่งซื้อขายความถี่สูง (HFT) ที่อาจสร้างความไม่เป็นธรรมในการลงทุนหรือไม่


ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า สำหรับกระแสการนัดหยุดซื้อขายหุ้นของนักลงทุนรายย่อยนั้น มองว่าจะทำให้ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นหายไป อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามว่าผลกระทบจะที่เกิดขึ้นต่อตลาดหุ้นไทยนั้น จะสามารถทำให้ผู้กำกับดูแลนโยบาย “รู้ร้อนรู้หนาว” ต่อการควบคุมการใช้ระบบอัลกอริทึมในซื้อขาย และการทำธุรกรรม Short Sell หรือไม่


ขณะเดียวกัน แนะนำนักลงทุนรายย่อยให้ “อยู่เฉยๆ” เพราะอย่างที่เห็นว่าภาวะตลาดหุ้นไทยปัจจุบันไม่สามารถเทรดได้แล้ว หลังบรรยากาศการลงทุนถูกควบคุมด้วยระบบอัลกอริทึม ที่มีสัดส่วนสูงถึง 30-40% ของปริมาณการซื้อขายต่อวัน ซึ่งนักลงทุนรายย่อยไม่ควรเข้าไปยุ่ง


ด้าน ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หากมีการนัดหยุดซื้อขายหุ้นของนักลงทุนรายย่อยจริง ถือเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง จากมีความติดขัดในการลงทุน ซึ่งจะกระทบต่อมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก จากที่นักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนราว 32-33% ของยอดซื้อขายต่อวัน


อย่างไรก็ตาม จะต้องติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้น จากก่อนหน้านี้เคยเห็นการแสดงท่าทีของนักลงทุนรายย่อยในการนัดรวมตัวกันหยุดซื้อขายหุ้นไทยแล้ว แต่มีการรวมตัวกันไม่หนาแน่น ทำให้ไม่ส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยมากนัก ขณะเดียวกัน ปัจจุบันนักลงทุนรายย่อยในประเทศชะลอการซื้อขายหุ้นไทยต่อเนื่อง สะท้อนจากสัดส่วนการซื้อขายปรับตัวลดลง จากอดีตที่เคยอยู่ราว 43% ในช่วงปี 2563-2564 และ 35% ในปี 2565


ทั้งนี้ มองว่าการทำธุรกรรม Short Sell เป็นเครื่องมือหนึ่งในการทำกำไรช่วงตลาดหุ้นขาลง แต่ในอีกมุมหนึ่งก็เป็นการซ้ำเติมบรรยากาศการลงทุนให้แย่ลงด้วย ขณะที่สัดส่วนการใช้ระบบอัลกอริทึมในการซื้อขายหุ้นที่อยู่ในระดับสูงถึง 35% นั้น ทำให้นักลงทุนมองว่าเป็นการสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นไทยมากขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า การ Short Sell มาจากระบบอัลกอริทึมในสัดส่วนเท่าไร ซึ่งยังไม่เห็นข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


แม้ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะพยายามชี้แจงข้อมูลการทำธุรกรรม Short Sell ว่าไม่มีความผิดปกติ แต่นักลงทุนในประเทศกลับอดสงสัยไม่ได้ จากความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงกว่าอดีต จะเห็นได้จากหุ้นบางตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เมื่อราคาหลุดแนวรับทางเทคนิคแล้ว ปรากฏว่าราคาปรับตัวลดลงจนไม่สามารถสร้างแนวรับใหม่ได้ ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ