บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น JAS รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3/66 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 4,213 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 4,939 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 680 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 726 ล้านบาท และมีผลกำไรเพิ่มขึ้น 5,007 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 631 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 794 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน กำไร EBITDA ไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 7,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,743 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 152 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5,066 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมจากการดำเนินงานในไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 10,176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,114 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 101 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5,363 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 111 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
โดยไตรมาส 3/66 มีเหตุการณ์สำคัญดังนี้
1. การขอแก้ไขสัญญา JASIF เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 บริษัทฯ ได้รับการอนุมัติผ่อนผันการหยุดพักการชำระค่าเช่า และการผิดนัดชำระค่าเช่า ภายใต้สัญญาแก้ไขเพิ่มเติมและแทนที่สัญญาประกันรายได้ค่าเช่า ตลอดจนการยกเลิกและแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานและเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน ครั้งที่ 1/2566 ส่งผลให้ธุรกิจบรอดแบนด์ของกลุ่มบริษัทฯ มีสภาพคล่องที่ดีขึ้น
2. ธุรกรรมการจำหน่ายธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต และแผนสำหรับธุรกิจใหม่
ความคืบหน้าธุรกรรมการจำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัทย่อย และธุรกิจที่เกี่ยวข้องของบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (TTTBB) รวมถึงการจำหน่ายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) ให้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) มูลค่ารวมทั้งสิ้น 32,420 ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2565 และมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 ของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2565 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ กสทช. ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี 2566 โดยภายหลังการทำธุรกรรมแล้วเสร็จ กลุ่มบริษัทฯ จะมุ่งเน้นไปยังธุรกิจที่สอดคล้องกับ Mega Trend อย่างการนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ เช่น platform ด้านสุขภาพ และอื่นๆ ตลอดจนเลือกดำเนินธุรกิจโดยใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม
3. ธุรกิจของกลุ่มบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) (JTS) สำหรับธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ มีการขายเหรียญออกไปบางส่วนเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการขุดเหรียญในอนาคต ทั้งนี้ ราคาเหรียญบิตคอยน์ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่เหนือ 35,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญบิตคอยน์ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ Generative AI ในอนาคต ได้ดำเนินการขยายศูนย์ข้อมูล (Data Center) รวมทั้งได้มีการลงนามความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ และ เคที คอร์ปอเรชั่น (KT) ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันวางแผนในการให้บริการ Generative AI ตลอดจนกำหนด Roadmap สำหรับธุรกิจใหม่ดังกล่าว ซึ่งเตรียมเปิดตัวในประเทศไทยเป็นแห่งแรกในปี 2567 และมีเป้าหมายที่จะขยายการให้บริการไปยังประเทศต่างๆ ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไปในอนาคต