สัมฤทธิ์ สำเนียง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PTTEP เปิดเผยว่า บริษัทประเมินว่าคาดว่าทิศทางของราคาน้ำมันดิบจะอ่อนตัวลงตั้งแต่ไตรมาส 4/66 จนถึงครึ่งแรกของปี 2567 เนื่องจากจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวทำให้มีการเดินทางลดลง ประกอบกับนโยบายการเงินเข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อลดเงินเฟ้อ ส่งผลให้เศรษฐกิจอาจชะลอตัวลง กดดันอุปสงค์น้ำมัน
ทั้งนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ ต่อไป เช่น แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง นโยบายของกลุ่ม OPEC+ และซาอุดีอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบจากประเทศนอกกลุ่ม OPEC+ แผนการใช้น้ำมันดิบจากคลังสำรองน้ำมันดิบทางการค้าและยุทธศาสตร์ สงคราม
ระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส เป็นต้น
ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่าปริมาณขายปี 2567 จะอยู่ที่ระดับ 5.1 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เติบโตกว่าปีนี้ที่คาดปริมาณขายที่ 4.63 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ โดยบริษัทมุ่งเน้นในการเพิ่มกำลังการผลิตจากโครงการเดิมที่มีอยู่ พร้อมเร่งดำเนินการโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถสร้างกระแสเงินสดเข้าได้อย่างรวดเร็วที่สุด
พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนเร่งเพิ่มกำลังการผลิตโครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ) เป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในเดือนเมษายนปี 2567 ตามสัญญาการผลิต จากปัจจุบันสามารถผลิตได้ราว 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเร่งเจาะหลุมผลิต และติดตั้งแท่นผลิตใหม่เพิ่มเติมอีกจำนวน 3 แท่น อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้ารักษากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ไว้ที่ระดับ 70-75%
ทั้งนี้ บริษัทวางงบลงทุนสำหรับปี 2567 ที่ราว 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเป็นการลงทุนสำหรับโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมราว 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และใช้สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ การเร่งพัฒนาโครงการในสาธารณรัฐโมซัมบิก และโครงการในมาเลเซีย ซึ่งจะมีการประกาศแผนลงทุนใหม่ที่ชัดเจนภายในเดือนธันวาคมนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งในการหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างศึกษาโครงการพลังงานทดแทน (renewable energy) พร้อมหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจก๊าซที่มีต้นทุนต่ำ ประกอบกับเร่งขยายการดำเนินธุรกิจ AI ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายว่าธุรกิจใหม่ของบริษัทจะสามารถมีส่วนสนับสนุนกำไรสุทธิของ PTTEP ที่สัดส่วน 20% ภายในปี 2573