PTTEP คาดราคาน้ำมันอ่อนตัวถึงกลางปีหน้า วางงบ 4 พันล้านดอลลาร์ ดันยอดขายปี 67 แตะ 5.1 แสนบาร์เรล

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

PTTEP คาดราคาน้ำมันอ่อนตัวถึงกลางปีหน้า วางงบ 4 พันล้านดอลลาร์ ดันยอดขายปี 67 แตะ 5.1 แสนบาร์เรล

Date Time: 2 พ.ย. 2566 12:46 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • - คาดราคาน้ำมันดิบอ่อนตัว ตั้งแต่ไตรมาส 4/66 ลงจนถึงครึ่งแรกของปี 67 หลังเข้าสู่ฤดูหนาวส่งผลต่อการเดินทางลดลง และนโยบายการเงินเข้มงวดเพื่อลดเงินเฟ้อ กดดันอุปสงค์น้ำมัน
  • - ประเมินปริมาณขายปี 67 อยู่ที่ 5.1 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ โตกว่าปีนี้ หลังเพิ่มกำลังการผลิตแหล่งเอราวัณ (G1/61) เป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในเดือนเมษายน ส่วนปี 66 คาดปริมาณขายที่ 4.63 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ตั้งเป้ารักษา EBITDA ที่ 70-75%
  • - วางงบลงทุนปี 67 เบื้องต้นที่ 4,000 ล้านเหรียญฯ ใช้ในโครงการผลิต 3 พันล้านเหรียญฯ และใช้เร่งสร้างโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา 1 พันล้านเหรียญฯ เตรียมประกาศแผนลงทุน ธ.ค.นี้

Latest


สัมฤทธิ์ สำเนียง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PTTEP เปิดเผยว่า บริษัทประเมินว่าคาดว่าทิศทางของราคาน้ำมันดิบจะอ่อนตัวลงตั้งแต่ไตรมาส 4/66 จนถึงครึ่งแรกของปี 2567 เนื่องจากจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวทำให้มีการเดินทางลดลง ประกอบกับนโยบายการเงินเข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อลดเงินเฟ้อ ส่งผลให้เศรษฐกิจอาจชะลอตัวลง กดดันอุปสงค์น้ำมัน


ทั้งนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ ต่อไป เช่น แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง นโยบายของกลุ่ม OPEC+ และซาอุดีอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบจากประเทศนอกกลุ่ม OPEC+ แผนการใช้น้ำมันดิบจากคลังสำรองน้ำมันดิบทางการค้าและยุทธศาสตร์ สงคราม

ระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส เป็นต้น 


ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่าปริมาณขายปี 2567 จะอยู่ที่ระดับ 5.1 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เติบโตกว่าปีนี้ที่คาดปริมาณขายที่ 4.63 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ โดยบริษัทมุ่งเน้นในการเพิ่มกำลังการผลิตจากโครงการเดิมที่มีอยู่ พร้อมเร่งดำเนินการโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถสร้างกระแสเงินสดเข้าได้อย่างรวดเร็วที่สุด


พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนเร่งเพิ่มกำลังการผลิตโครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ) เป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในเดือนเมษายนปี 2567 ตามสัญญาการผลิต จากปัจจุบันสามารถผลิตได้ราว 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเร่งเจาะหลุมผลิต และติดตั้งแท่นผลิตใหม่เพิ่มเติมอีกจำนวน 3 แท่น อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้ารักษากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ไว้ที่ระดับ 70-75%


ทั้งนี้ บริษัทวางงบลงทุนสำหรับปี 2567 ที่ราว 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเป็นการลงทุนสำหรับโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมราว 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และใช้สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ การเร่งพัฒนาโครงการในสาธารณรัฐโมซัมบิก และโครงการในมาเลเซีย ซึ่งจะมีการประกาศแผนลงทุนใหม่ที่ชัดเจนภายในเดือนธันวาคมนี้


นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งในการหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างศึกษาโครงการพลังงานทดแทน (renewable energy) พร้อมหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจก๊าซที่มีต้นทุนต่ำ ประกอบกับเร่งขยายการดำเนินธุรกิจ AI ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายว่าธุรกิจใหม่ของบริษัทจะสามารถมีส่วนสนับสนุนกำไรสุทธิของ PTTEP ที่สัดส่วน 20% ภายในปี 2573


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ