ทำไมหุ้นกู้ 5 ชุดของ ทรู คอร์ปอเรชั่น อาจเป็นโอกาสลงทุนครั้งสำคัญในปีนี้

Investment

Stocks

Content Partnership

Content Partnership

Tag

ทำไมหุ้นกู้ 5 ชุดของ ทรู คอร์ปอเรชั่น อาจเป็นโอกาสลงทุนครั้งสำคัญในปีนี้

Date Time: 17 ต.ค. 2566 14:01 น.
Content Partnership

Summary

  • ในเร็วๆ นี้ยักษ์ใหญ่อย่าง ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่หนึ่งของโทรคมนาคมไทย กำลังออกหุ้นกู้ครั้งสำคัญ ซึ่งอาจตอบโจทย์หุ้นกู้ยอดนิยม แบบ “ถูกทุกข้อ” และเป็นโอกาสลงทุนช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ที่คุณอาจพลาดไม่ได้ และใครก็ลงทุนได้

การลงทุนในหุ้นกู้ยังเป็นที่นิยมอย่างมากกับคนไทย ด้วยการจ่ายดอกเบี้ยที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ทำให้นักลงทุนที่มีเงินเย็น ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอ จะมองหาหุ้นกู้เป็นอันดับแรก โดยหุ้นกู้ที่ได้รับความนิยมสูง มักจะมีหลายองค์ประกอบด้วยกัน ทั้งบริษัทต้องเป็นบิ๊กเนม เป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจ แผนการเติบโตชัดเจน มีความแข็งแกร่งด้านการเงิน มีอันดับเครดิตเรตติ้งที่ดี ซึ่งไม่ง่ายนักที่จะหาหุ้นกู้ที่ตอบโจทย์ทุกอย่าง

ในเร็วๆ นี้ยักษ์ใหญ่อย่าง ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่หนึ่งของโทรคมนาคมไทย กำลังออกหุ้นกู้ครั้งสำคัญ ซึ่งอาจตอบโจทย์หุ้นกู้ยอดนิยม แบบ “ถูกทุกข้อ” และเป็นโอกาสลงทุนช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ที่คุณอาจพลาดไม่ได้ และใครก็ลงทุนได้ ทางสาขาและทางออนไลน์ผ่านแอปของธนาคาร BBL, KBANK, SCB, BAY, CIMB และทางสาขาผ่านธนาคาร UOB และ TrueMoney Wallet โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ทำไมทรูจึงอาจเป็นคำตอบของการลงทุน #ThairathMoney รวมคำตอบมาแล้ว

ทรู เบอร์หนึ่งในกลุ่มสื่อสาร

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ปัจจุบันคือบริษัทที่ควบรวมกันระหว่าง ทรู-ดีแทค ทำให้ ทรูก้าวเป็นที่ 1 เป็นผู้นำ ในกลุ่มโทรคมนาคม มีผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือมากกว่า 51 ล้านเลขหมาย ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ 3.8 ล้านคน และผู้ใช้งานดิจิทัลทะลุ 40 ล้านคน

ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้าของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับประโยชน์เพิ่มมากขึ้น จากคุณภาพเครือข่ายที่ดีขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น มีคลื่นความถี่ครบทุกย่านสำหรับการให้บริการทั้ง 5G/4G ช่วยเพิ่มโอกาสใช้บริการของลูกค้า โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าแบรนด์ดีแทค ให้สามารถใช้บริการที่หลากหลายของทรู และเน็ตบ้าน อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ไปจนถึงใช้บริการทรูไอดี และช่วยเพิ่มโอกาสการขายผลิตภัณฑ์ใหม่

ผลของการควบรวมกันของ 2 บริษัท ทำให้ ทรู มีความแข็งแกร่งในด้านการเงิน นอกจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นที่ช่วยเพิ่มในขาของรายได้ ในด้านค่าใช้จ่าย บริษัทสามารถลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ปรับลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนกัน ช่วยลดต้นทุนของบริษัท และหากมีการลงทุนใหม่ๆ ก็จะช่วยลดความซ้ำซ้อนในการจัดซื้อจัดจ้าง ช่วยเพิ่มปริมาณการสั่งซื้อที่เพิ่ม Economies of Scale ช่วยผลักดันการเติบโตของกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

ทรู ได้ขึ้นเป็นบริษัทอันดับหนึ่งในกลุ่มสื่อสาร โดยมาพร้อมกับแผนการเติบโตที่ชัดเจนมาก มีความแข็งแกร่ง พร้อมบริษัทได้วางเป้าหมายที่จะเติบโตต่อเนื่อง โดยเป็น บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย รองรับการเติบโตในโลกยุคดิจิทัล

เรตติ้ง A+ จากทริสเรทติ้ง

ความแข็งแกร่งที่แท้จริงต้องได้รับการยอมรับ โดยที่ผ่านมา ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับการยอมรับ โดยล่าสุด ทริสเรทติ้ง หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ได้จัดอันดับเครดิต องค์กร และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้ง ยังจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันชุดใหม่ ในวงเงินไม่เกิน 2.5 หมื่นล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 10 ปี ของบริษัทที่ระดับ “A+” ด้วย โดยบริษัทจะนําเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวไปใช้ชําระหนี้เงินกู้ และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียน

ทั้งนี้การให้อันดับเครดิตองค์กรระดับ A+ นั้นมีไม่กี่บริษัทชั้นนำในไทยที่ได้รับเรตติ้งในอันดับดังกล่าว โดยทริสเรทติ้ง ให้ความเห็นว่า อันดับเครดิต A+ สะท้อนถึงสถานะผู้นําทางการตลาดของบริษัทในธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในประเทศไทย ตลอดจนความแข็งแกร่งของโครงข่ายในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ จํานวนคลื่นความถี่ในการให้บริการที่หลากหลาย และการมีแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี
นอกจากนี้อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการผสานพลังทางธุรกิจภายหลังจาก
การควบรวมกิจการ รวมถึงประสิทธิภาพในการดําเนินงานของบริษัทที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคตอีกด้วย

โดยในช่วง 4 เดือนตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในเดือนมีนาคมจนถึงเดือนมิถุนายน 2566 บริษัทมีรายได้จากการดําเนินงานทั้งสิ้น 6.72 หมื่นล้านบาท และมีกําไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจําหน่าย (EBITDA) ที่ระดับ 3.28 หมื่นล้านบาท โดยมี EBITDA ต่อรายได้รวม (EBITDA Margin) อยู่ที่ระดับประมาณ 49% ในขณะที่มีเงินทุนจากการดําเนินงานทั้งสิ้น 2.23 หมื่นล้านบาท

ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทจะได้รับประโยชน์จากการควบรวมกิจการกับ ดีแทค จะผสานพลังทางธุรกิจ และประสิทธิผลในการใช้ต้นทุน ซึ่งทริสเรทติ้งเห็นว่าการประหยัดจากขนาด และการใช้สินทรัพย์และบริการร่วมกันภายในกลุ่มน่าจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทํากําไรของบริษัทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ทริสเรทติ้ง คาดว่า EBITDA ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 8.2-9.8 หมื่นล้านบาทต่อปี ในช่วงระหว่างปี 2566-2568 และคาดว่าเงินทุนจากการดําเนินงานจะอยู่ในช่วง 5.8-7.2 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงเวลาเดียว

โอกาสลงทุนที่ทุกคนเข้าถึงได้

อย่างไรก็ตาม ทรู อยู่ระหว่างการเสนอขายหุ้นกู้ โดยจะเสนอขายกับ ผู้ลงทุนเป็นการทั่วไป (Public Offering) เสนอขายจำนวน 5 ชุด ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ ผ่านหุ้นกู้ 5 ชุด

1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.12-3.22]% ต่อปี

2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.70-3.85]% ต่อปี

3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.00-4.15]% ต่อปี

4. หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.35-4.45]% ต่อปี

5. หุ้นกู้ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.50-4.80]% ต่อปี (ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ได้เมื่อหุ้นกู้ครบปีที่ 5)

การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ทรู มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ในการชำระคืนหนี้หุ้นกู้ และ/หรือเงินกู้ยืมที่จะครบกำหนด ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตของบริษัท โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 2-6 พฤศจิกายน 2566 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยนักลงทุนที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่

• ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร.1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking

• ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร.0-2888-8888 กด 819 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

• ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร.0-2777-6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปฯ SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

• ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร.1572 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน KMA

• ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร.0-2626-7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปฯ CIMB Thai Digital Banking

• ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร.0-2285-1555

นอกจากนี้ผู้ลงทุนยังสามารถจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet สามารถศึกษาเพิ่มเติมถึงรายละเอียด ขั้นตอน และวิธีการสมัคร TrueMoney Wallet Application และวิธีการจองซื้อ ได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.com หรือติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร.1240 กด 6


Author

Content Partnership

Content Partnership