ติดล้อไปด้วยกัน หุ้น TIDLOR พุ่งเกิน 5% บริษัทส่งซิก “หนี้เสีย” ดีขึ้น

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ติดล้อไปด้วยกัน หุ้น TIDLOR พุ่งเกิน 5% บริษัทส่งซิก “หนี้เสีย” ดีขึ้น

Date Time: 21 ส.ค. 2566 15:53 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Latest


ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ในวันนี้บวกได้อย่างร้อนแรง โดยราคาหุ้น ณ เวลา 15.15 น. อยู่ที่ 21.70 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 5.34% โดยเป็นการส่งสัญญาณฟื้นตัว หลังราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงไปทำจุดต่ำสุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ 19.80 บาทในช่วงวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์มองว่า การฟื้นตัวครั้งนี้ เป็นผลมาจากสัญญาณหนี้เสียเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว 

บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์ (18 ส.ค. 66) เป้าหมายทางการเงินปี 2566 คงเดิม มองอีกด้านถือว่าไม่มีเรื่องลบใหม่ นับเป็นเรื่องดีแล้วในภาวะเช่นนี้ ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ทางบริษัทฯ พยายามคุมกรอบการบริหารจัดการให้สัดส่วน NPL ณ สิ้นปี 2566 ให้ไม่เกิน 1.8% เทียบกับ สิ้นงวดไตรมาสที่ 2 ที่ 1.5% ด้าน COVERAGE RATIO และ LLR/LOAN ยังถือว่าสูงกว่ากลุ่มฯ โดยรวมฝ่ายวิจัยคงประเมินกำไรสุทธิปี 2566 ตามเดิม


ราคาหุ้น TIDLOR ปรับฐานลดลงกว่า 21% จากต้นปีมากสุดในกลุ่มจำนำทะเบียน สะท้อนวัฏจักรขาขึ้นของ NPL พอสมควร ทำให้ราคาหุ้น TIDLOR ซื้อขายบน P/E ปี 2566 ที่ 14 เท่า เมื่อมองภาพรวม RISK TO REWARD น่าสนใจกว่า MTC จึงคงแนะนำ OUTPERFORM


ไม่มีเรื่องลบใหม่ถือว่าดีแล้ว ในภาวะเช่นนี้


จากการประชุมนักวิเคราะห์ เป้าหมายทางการเงินปี 2566 คงเดิม มองอีกด้านถือว่าไม่มีเรื่องลบใหม่ นับเป็นเรื่องดีแล้วในภาวะเช่นนี้ นำโดยสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2566 ขยายตัว 10-20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (สิ้นงวดครึ่งปีแรก บวก 23.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 7.5% จากต้นปี ใกล้เคียงสมมติฐานฝ่ายวิจัยเพิ่ม 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปกติการเติบโตของสินเชื่อมีโมเมนตัมต่อเนื่องช่วงครึ่งปีหลัง ส่วน Cost of fund (สิ้นงวดไตรมาสที่ 2/2566 มี D/E ที่ 2.4 เท่า โดยสัดส่วนเงินกู้ยืมจากธนาคาร : หุ้นกู้ที่ 54% : 46%) ในช่วงครึ่งปีหลัง เพิ่มจากครึ่งปีแรกที่ 2.8% ราว 0.40-0.50% (สมมติฐานฝ่ายวิจัยทั้งปีที่ 3.0%) ตามวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่แนวโน้ม NPL พยายามคุมไม่เกิน 1.8% VS สิ้นงวดไตรมาสที่ 2/2566 ที่ 1.5% ภายใต้ Credit cost ทั้งปีที่ 3.00-3.35% 


บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การประชุมนักวิเคราะห์เป็นไปในทิศทางบวก ผลประกอบการในครึ่งปีแรกสอดคล้องและดีกว่าที่คาดการณ์ แม้ผู้บริหารจะคงมุมมองต่อ Credit cost แต่แนวโน้มของคุณภาพทรัพย์สินในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าปรับตัวดีขึ้น ราคาหุ้นถูกปรับลดลงมาแรงหลังหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขายหุ้นออกมาจำนวน 4.89% อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท เราปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อราคาเป้าหมายที่ 28.00 บาท


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ