ลงทุนหุ้นไทยแลนด์โฟกัส!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 18 ส.ค.66 ปิดที่ 1,519.12 จุด ลดลง 9.69 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 56,886.66 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 387.87 ล้านบาท

บล.เอเซียพลัส เผยบทวิเคราะห์ระบุว่า ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลง 7.2% จากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้ บวกกับการเร่งตัวขึ้นของ Bond Yield ตราสารหนี้สหรัฐฯ โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะ 4.31% และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 51

ซึ่ง 1 เดือนที่ผ่าน มาตราสารหนี้สหรัฐฯยกตัวขึ้นสูงเกือบทั้ง เส้นเกิน 50 bps. ซึ่งเหมือนกับตอบรับการขึ้นดอกเบี้ยถึง 2 รอบกว่าๆ ตามกลไกจะกดดันให้ตลาดหุ้นซื้อขายบน P/E ที่ลดลง และกดดันดัชนีได้ถึง 9-11% บ่งบอกถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯยังมี Downside จากประเด็นนี้

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยสามารถ Outperform ได้ดี โดยปรับตัวลงเพียง 0.4% จากที่ตราสารหนี้ไทยยังไม่ปรับขึ้นเหมือนสหรัฐฯ โดย Bond Yield 10 ปีไทยยังต่ำเพียง 2.71% และเพิ่มขึ้นมา 14 bps. เท่านั้น แม้ผ่านการขึ้นดอกเบี้ยมา 25 bps. เมื่อ 3 ส.ค.66

ด้านปัจจัยการเมืองในประเทศชัดเจนขึ้น โดยล่าสุดการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยมีพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่ม คือรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งทำให้เสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลมีอยู่ 274 เสียง ซึ่งต้องติดตามต่อว่าช่วงเวลาที่เหลือ 3 วัน จะมีพรรคใดแถลงเข้าร่วมรัฐบาลอีกหรือไม่ ซึ่ง 22 ส.ค.66 จะเป็นวันโหวตนายกฯรอบ 3

นอกจากนี้ยังมี ปัจจัยหนุน คือ งาน Thailand Focus 2023 ที่จะจัดขึ้น 23-25 ส.ค.66 คาดทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น จากการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียน

ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุนเน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเลือกตั้งเสร็จสิ้น และเป็นหุ้นที่เข้าร่วมงาน Thailand Focus 2023 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มบริษัทที่ไม่มา Thailand Focus 2022 แต่ปี 66 มา ได้แก่ TPIPL, TASCO, SIRI, BCPG, KTB, SCCC, STEC กลุ่มบริษัทมา Thailand Focus ปี 65 และปี 66 มาต่อเนื่อง TRUE, AMATA, CPALL, CPN, LH, CRC, BJC, AOT, ERW!!

อินเด็กซ์ 51