ลุ้น!! ตลาดหุ้นไทยอาจแจกกำไร 38% ถ้านโยบาย “เพื่อไทย” ดัน เศรษฐกิจ โตทะลุเป้า

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ลุ้น!! ตลาดหุ้นไทยอาจแจกกำไร 38% ถ้านโยบาย “เพื่อไทย” ดัน เศรษฐกิจ โตทะลุเป้า

Date Time: 18 ส.ค. 2566 10:30 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประเมินว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ 5% ตามแผนที่วางไว้ โดยจากสถิติในอดีตพบว่า หาก เพื่อไทย สามารถดันการเติบโตของจีดีพี ได้ตามเป้าหมายจริง อาจผลักดันให้ผลตอบแทนในตลาดหุ้นทะลุ 38%

Latest


 

โดยนักวิเคราะห์ มองว่า หลังได้รัฐบาลใหม่ หวังเศรษฐกิจไทยโตเกิน 5% เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อน โดยสำนักเศรษฐกิจต่างๆ ประเมิน GDP Growth ของไทยปีนี้ คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย +3.5% ทำให้ในช่วง ไตรมาสที่ 2-4 ของปีนี้ GDP จะต้องขยายตัวเฉลี่ย 3.8% จากไตรมาสก่อนและ 2.3% จากปีก่อน

 

ในสัปดาห์หน้า (วันที่ 21 ส.ค.) สภาพัฒน์จะมีการรายงานตัวเลข GDP ของไทยช่วง 2Q66 โดย Bloomberg คาด GDP Growth ของไทย 2Q66 โต 3.0% YoY และ 1.3% QoQ ซึ่งจะช่วยหนุนให้ดัชนี GDP ของไทยดีดตัวขึ้นมามากกว่า 100 จุด สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวกลับมายืนเหนือช่วงก่อนโควิด ทั้งนี้ GDP ในระดับดังกล่าว ยังน้อยกว่าการขยายตัวเฉลี่ยที่ฝ่ายวิจัยฯ ได้ประเมินไว้ แต่อย่างไรก็ตาม หากบ้านเราสามารถจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้เร็ว ก็ยังมีความหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะยังเดินหน้าต่อไปได้

 

 

กรณีที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยจากนโนบายหาเสียงได้ตั้งเป้าไว้ ว่าจะดัน GDP Growth ของไทยโต 5% จากปีก่อน ในปี 2570 ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ กระเป๋าตังค์ Digital 10,000 บาท, ค่าแรงงานขั้นต่ำ 600 บาท/วัน, ปริญญาตรี จบใหม่ ข้าราชการไทยทุกคน 25,000 บาท/เดือน, ลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน ทันที, รถไฟฟ้ากรุงเทพฯ 20 บาทตลอดสาย ฯลฯ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยหนุนให้ภาคการบริโภคกลับมา คึกคัก และเมื่อพิจารณาจากข้อมูลในอดีต พบว่า GDP Growth ของไทยในช่วงที่โต เกิน 5% จะทำให้ผลตอบแทนของ SETIndex เพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงถึง 37%

 

สรุป เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อน ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลัง หากบ้านเราสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อน เศรษฐกิจ โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน GDP Growth ของไทยในช่วงที่โตเกิน 5% จะช่วย หนุนให้ผลตอบแทนของ SET Index เพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงถึง 37% ตลาดหุ้นไทยเป็นหลุมหลบภัยที่ดี

หาหุ้นการเมืองเด่นเข้า ร่วมงาน Thailand Focus

 

อย่างไรก็ตาม บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลง 7.2% จากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะคงอัตราดอกเบี้ยใน ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้ บวกกับการเร่งตัวขึ้นของตราสารหนี้สหรัฐฯ โดย พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.31% และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่ง 1 เดือนที่ผ่านมา ตราสารหนี้สหรัฐฯ ยกตัวขึ้นสูงเกือบทั้งเส้นเกิน 50 bps. ซึ่งเหมือนกับตอบรับการขึ้นดอกเบี้ยถึง 2 รอบกว่าๆ ตามกลไกจะ กดดันให้ตลาดหุ้นซื้อขายบน P/E ที่ลดลง และกดดันดัชนีได้ถึง 9-11% บ่งบอกถึง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมี Downside จากประเด็นนี้

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยสามารถ Outperform ได้ดี โดยปรับตัวลงเพียง 0.4% จากที่ตราสารหนี้ไทยยังไม่ปรับขึ้นเหมือนสหรัฐฯ โดย Bond Yield 10 ปีไทยยังต่ำเพียง 2.71% และเพิ่มขึ้นมา 14 bps. เท่านั้น แม้ผ่านการขึ้นดอกเบี้ยมา 25 bps. ในวันที่ 3 ส.ค. 66 ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดการจัดตั้งรัฐบาล โดยแกนนำพรรคเพื่อไทยมีพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มเติม คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งทำให้เสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลมีอยู่ 274 เสียง (ถือเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากแล้ว) ซึ่งต้องติดตามต่อว่าในช่วงเวลาที่เหลือ 3 วันว่าจะมีพรรคใดแถลงเข้าร่วมรัฐบาลอีกหรือไม่ ซึ่งวันที่ 22 ส.ค. 66 จะเป็นวันโหวตนายกฯ รอบ 3 ขณะที่ปัจจัยหนุนหลังจากนั้น คือ งาน Thailand Focus 2023 ที่จะจัดขึ้น 23-25 ส.ค. 66 คาดทำให้การลงทุนของนัก ลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น จากการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียน โดย TPIPL BJC TRUE น่าสนใจลงทุน


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ