ราคาหุ้น JMART พุ่ง สวนงบพลิกขาดทุน โบรกฯ ชี้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ตั้งสำรองหนี้เสีย SGC เหลือไม่มาก

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนทางการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2/66 พลิกขาดทุน นำโดยบริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ปรับตัวเพิ่ม 11.73% มาอยู่ที่ 18.10 บาท รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2/66 มีผลขาดทุน 611.2 ล้านบาท ลดลง -257.0% จากไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 389.4 ล้านบาท

ส่วนราคาหุ้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ปรับตัวเพิ่ม 8.13% มาอยู่ที่ 43.25 บาท รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2/66 มีกำไรสุทธิ 551 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.2% จากไตรมาส 2/65 กำไรสุทธิ 433.3 ล้านบาท ทำสถิติใหม่สูงสุด และเป็นบริษัทเดียวในกลุ่มที่สามารถทำกำไร

ราคาหุ้น บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J ปรับตัวเพิ่ม 2.50% มาอยู่ที่ 2.46 บาท รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2/66 พลิกขาดทุนสุทธิ 17 ล้านบาท ลดลง -136.9% จากไตรมาส 2/65 ทำได้ 46.3 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ปรับตัวเพิ่ม 15.44% มาอยู่ที่ 8.60 บาท รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2/66 ขาดทุนสุทธิ 2,395 ล้านบาท ลดลง 1,004.2% จากไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 265 ล้านบาท

และราคาหุ้น บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC ปรับตัวเพิ่ม 4.38% มาอยู่ที่ 1.43 บาท รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2/66 ขาดทุนสุทธิ 1,918 ล้านบาท ลดลง 1,367% จากไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 151 ล้านบาท

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ผลประกอบการของ JMART ในช่วงไตรมาส 2/66 ถูกกดดันจากปัญหาการตั้งสำรองหนี้เสียจำนวนมาก ของบริษัทย่อย คือ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC และส่งผลกระทบมายัง บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER

ประเด็นการตั้งสำรองจำนวนมากนั้น มีการบันทึกมูลค่าหนี้เสีย ซึ่งกระทบต่อผลประกอบการไตรมาส 1/66 และไตรมาส 2/66 ของทั้งกลุ่มให้ออกมาไม่ดีนัก อย่างไรก็ดี เชื่อว่าจะมีการรับรู้และบันทึกมูลค่าในผลประกอบการไตรมาสที่ 3/66 อีกไม่มากแล้ว และมองว่าผลประกอบการผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว

ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาวันนี้ ได้สะท้อนว่าปัญหาการจัดการหนี้เสียและการตั้งสำรองของกลุ่มเจมาร์ทใกล้จบแล้ว ทำให้มีแรงซื้อเข้ามา จากช่วงต้นปีที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมาก

ทั้งนี้ มองว่าหุ้นของ JMART มีความน่าสนใจในการเข้าลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยแนะนำให้ตั้งรับ เข้าซื้อสะสมเมื่อราคาย่อตัวลงมา จากแนวโน้มผลประกอบการจะฟื้นตัวได้ในปี 2567 ประกอบกับการเติบโตของ "สุกี้ตี๋น้อย" ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 30% คาดว่าจะมีความสามารถในการทำกำไรได้ดี ราว 800 ล้านบาทต่อปี

ส่วนหุ้น JMT มองว่าเป็นบริษัทเดียวที่สามารถประกาศผลประกอบการออกมาดี สามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก แนะนำ ซื้อสะสม เมื่อราคาหุ้นย่อตัว

ด้าน อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 จากความพยายามในการปรับกลยุทธ์ให้ดีที่สุด หลังจากไตรมาส 2/2566 นี้ มีผลขาดทุน 611 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากผลการขาดทุนใน บริษัทร่วม ซิงเกอร์ (ประเทศไทย) ที่ได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด

พร้อมย้ำให้นักลงทุนมั่นใจ ไตรมาส 2/2566 คือ จุดต่ำสุดของปี และคาดว่าผลงานจะพลิกกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ โดยยังคงมีปัจจัยบวกต่อผลประกอบการ เช่น การเติบโตของธุรกิจติดตามหนี้ด้อยคุณภาพ เจเอ็มที ซึ่งเพิ่งได้พอร์ตสินเชื่อหนี้ด้อยคุณภาพแบบไม่มีหลักประกันขนาดใหญ่เข้ามาในไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมา การเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ Jas Green Village บางบัวทอง ของบริษัทย่อย เจเอเอส แอสเซ็ท ในเดือนกันยายน 2566 นี้ พร้อมกับ การเข้าสู่ High Season ของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกจัดจำหน่ายมือถือที่จะมี มือถือรุ่นใหม่ออกมาจำหน่าย พร้อมกับการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน "New Ecosystem" เพื่อต่อจิ๊กซอว์สร้างการเติบโตจาก Synergy ภายในกลุ่มบริษัท

อย่างไรก็ดี ล่าสุด บริษัทที่เป็นเรือธงของเจมาร์ท ได้ประกาศผลการดำเนินงานออกมา โดยบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ทำกำไรไตรมาส 2/2566 ได้อย่างแข็งแกร่งที่ 551 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.2% ทำสถิติสูงสุดรายไตรมาส รับยอดจัดเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้น พร้อมมีกำไรจากการซื้อลูกหนี้เก็บเข้าพอร์ต สนับสนุนให้งวด 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.4% พร้อมประกาศปันผลระหว่างกาล 0.34 บาท/หุ้น ขึ้น XD 24 ส.ค. 66 กำหนดจ่าย 8 ก.ย. 66 ตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจ