ทิสโก้ ชี้ เศรษฐกิจไทยไม่โดดเด่น ฉุดต่างชาติทิ้งหุ้นไทยต่อ หวังนโยบายรัฐบาลใหม่สร้างเสน่ห์

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทิสโก้ ชี้ เศรษฐกิจไทยไม่โดดเด่น ฉุดต่างชาติทิ้งหุ้นไทยต่อ หวังนโยบายรัฐบาลใหม่สร้างเสน่ห์

Date Time: 12 มิ.ย. 2566 16:13 น.

Video

โมเดลธุรกิจ Onlyfans ทำไมถึงมีแต่ได้กับได้ ? บริษัทมั่งคั่ง คนทำก็รวย | Digital Frontiers

Summary

  • - บลจ.ทิสโก้ ชี้ fund flow ไหลออก หลังนักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ต เศรษฐกิจไทยฟื้นไม่เด่น หวั่นกำไร บจ.ลดลง จากไม่มีปัจจัยหนุนชัดเจน พร้อมความกังวลด้านการเมือง
  • - มองเป้าหมายดัชนี SET index ปีนี้ 1,600 จุด เชื่อไตรมาส 3/66 จัดตั้งรัฐบาลราบรื่น จับตานโยบายเศรษฐกิจใหม่

Latest


นายสุพงศ์วร เมี้ยนโภคา ผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุน ทิสโก้ เปิดเผยว่า ผลตอบแทนของดัชนีตลาดหุ้นไทย 5 เดือนแรกของปีนี้ติดลบ 8% จากที่หุ้นไทยที่เคย Outperform เมื่อปีก่อน จากเป็นหลุมหลบภัยของนักลงทุนทั่วโลกสำหรับวิกฤติต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนกว่า 2 แสนกว่าล้านบาท จากการเป็น “Safe haven”


ปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวสวนทางดัชนีตลาดหุ้นในประเทศต่างๆ ที่เริ่มฟื้นตัวแรง โดยเม็ดเงินลงทุนต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นที่มีสัดส่วนหุ้นเทคโนโลยีเยอะ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น หลังจากสถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับการปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนของไทย หลังแรงหนุนจากราคาพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง โดยจะเริ่มเห็น negative growth ที่ชัดเจนในไตรมาส 2/66


นอกจากนี้ นักลงทุนมีความกังวลต่อความไม่แน่นอนทางการเมือง เพราะยังไม่เห็นความชัดเจนในกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล นักลงทุนจึงปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีแนวโน้มที่แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติชะลอตัวลง แต่ยังต้องติดตามประเด็นการเลือกตั้ง โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนสิงหาคม และปลายไตรมาส 3/66 จะมีการแต่งตั้งรัฐบาลและการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้หุ้นไทยน่าสนใจมากขึ้น


ทั้งนี้ ประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปีนี้ที่ 1,600 จุด โดยมองว่าราคาหุ้นตอบรับความไม่แน่นอนไปบ้างพอสมควรแล้ว ซึ่งหากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบหุ้นไทย มองว่าดัชนีจะยังสามารถอยู่ในกรอบ 1,500-1,600 จุด ขณะที่ยังต้องจับตานโยบายจากพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังมีความไม่ชัด ทำให้นักลงทุนอาจยังไม่กล้าเข้ามาลงทุน นอกจากราคาจะปรับตัวลดลงมาสมเหตุสมผล


สำหรับกลยุทธ์การลงทุน มองว่าให้เลือกธุรกิจที่ยังได้รับผลดีจากภาคการท่องเที่ยวและสุขภาพ จากคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจะเข้ามาในประเทศไทยราว 28-30 ล้านคน ถือเป็นโมเมนตัมที่ดี และครึ่งปีหลังคาดว่าจะเริ่มเดินทางเข้ามาชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศจีน โดยเน้นหุ้นที่มีพื้นฐานดี ความเสี่ยงต่ำ และมีความสามารถในการจ่ายปันผลได้ 


นอกจากนี้ ยังมีความน่าสนใจในหุ้นกลุ่มอีเล็กทรอนิกส์บางบริษัท ที่ราคามีการปรับตัวลดลงแรงในอดีตจากความกังวลเศรษฐกิจโลกเสี่ยงถดถอย (recession) คาดว่าจะได้อานิสงส์ที่ดีในครึ่งปีหลังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งการลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะสอดคล้องกับการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนช่วงปลายปีถึงปีหน้า


ด้าน นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการสายงานการตลาด ที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมในปีที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างยากลำบาก จากปี 2565 หดตัว 9% จากปีก่อน โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ 4.8 ล้านล้านบาท จากปีก่อนที่ราว 5.3 ล้านล้านบาท จากสภาวะปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ขึ้นดอกเบี้ยแรงและต่อเนื่อง กระทบการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งทำให้หุ้นและตราสารหนี้ผันผวนและหดตัวลง


ขณะที่ปีนี้ ภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมคาดว่าจะไม่ได้แย่ลงจากปีก่อนมากนัก จากปัจจุบันมีมูลค่ารวม 4.9 ล้านล้านบาท โดยเริ่มมีเม็ดเงินไหลกลับมาตราสารหนี้ และการออก term fund ของกองทุนในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งยังได้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีที่ 1-2% แต่เม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นยังถือว่าน้อย จากความระมัดระวังของนักลงทุนต่อตลาดที่ค่อนข้างผันผวน และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก ประกอบกับความกังวล recession สำหรับหุ้น


อย่างไรก็ดี กองทุนหลายแห่งให้ผลตอบแทนดีขึ้น และหลายกองทุนมีความโดดเด่นในปีนี้ โดยเฉพาะกองทุนที่เน้นการลงทุนในต่างประเทศ มีผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีกว่า 10-30% ทั้งนี้ บลจ. ทิสโก้ ได้มีกลยุทธ์การออกกองทุนลงทุนหุ้นต่างประเทศจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา และได้มีการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ ทำให้สามารถเติบโตได้ราว 2% มากกว่าภาพรวมตลาดที่เฉลี่ย 1%


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ