ทีโอเอ เร่งออกสินค้าใหม่รับตลาดฟื้น ทุ่มงบ 900 ล้านบาทลุยเวียดนาม ดันยอดขายโต 15%

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทีโอเอ เร่งออกสินค้าใหม่รับตลาดฟื้น ทุ่มงบ 900 ล้านบาทลุยเวียดนาม ดันยอดขายโต 15%

Date Time: 25 พ.ค. 2566 14:24 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • - TOA ย้ำเป้ายอดขายปีนี้โต 15% เน้นออกสินค้าใหม่ ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น เชื่อครึ่งปีหลังดีขึ้นจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย เศรษฐกิจโลกฟื้น การท่องเที่ยวกลับมา
  • - คาดยอดขายไตรมาส 2/66 ลดลงจากไตรมาสก่อนเนื่องจากวันหยุดเยอะ แต่เริ่มใช้วัตถุดิบรับรู้ต้นทุนใหม่ คาดดันมาร์จิ้นโตได้
  • - วางงบลงทุนปีนี้ 900 ล้านบาท ลุยขยาย Distribution Center ที่โฮจิมินห์ และปรับปรุงโรงงานให้ทันสมัยมากขึ้น
  • - ไม่กังวลนโยบายขึ้นค่าแรงกระทบต้นทุนการผลิต ชี้บริษัทเน้นใช้เครื่องจักรอัตโนมัติเพื่อลดแรงงานคนมากขึ้น

Latest


นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยว่า บริษัทยังตั้งเป้าหมายภาพรวมผลประกอบการมียอดขายเติบโตจากปีก่อน 15% โดยเน้นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้น ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและการลดต้นทุน เช่น สินค้าประเภท Green Product และสินค้าสีกลุ่ม 2 in 1 ที่ไม่ต้องรองพื้น ซึ่งจะเป็นตัวหลักผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ในช่วงครึ่งปีหลัง 


ประกอบกับเชื่อว่าช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นราคาของวัตถุดิบน้อยลง และการเติบโตของยอดขายต่างประเทศน่าจะฟื้นตัวได้ ทั้งสินค้ากลุ่มสีและกลุ่มที่ไม่ใช่สี หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ดี จากปัจจุบันสัดส่วนยอดขายในประเทศไทยอยู่ที่ 80% และต่างประเทศที่ 20% 


ขณะเดียวกัน ทิศทางของการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2/66 คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงหากเทียบกับไตรมาส 1/66 จากมีวันหยุดเยอะในเดือนเมษายน และโดยปกติยอดขายในไตรมาสแรกจะเป็นสัดส่วนสูงที่สุดอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี เชื่อว่าอัตรากำไรจะอยู่ในระดับที่ดีขึ้น จากมีการรับรู้ราคาต้นทุนวัตถุดิบใหม่ที่ลดลงเต็มไตรมาส 


“ปัจจุบันเราเริ่มใช้ Tio2 จากจีนเยอะขึ้น จากปีก่อนใช้ที่สัดส่วน 10% ไตรมาสแรกขยับขึ้นมา 17-18% ส่วนไตรมาสนี้คาดว่าจะขึ้นไปที่ระดับ 35% จากความต้องการทั้งหมด ทำให้ต้นทุนลดลงได้”


ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับปี 2566 ไว้ที่ 900 ล้านบาท หลังจากที่ชะลอการลงทุนในช่วงสองปีที่ผ่านมาจากปัญหาของการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยจะเน้นการลงทุนขยาย Distribution Center ที่โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ซึ่งการขยายในครั้งนี้เชื่อว่าจะทำให้บริษัทสามารถปรับปรุงโรงงานให้ทันสมัยมากขึ้นได้ต่อไป ขณะที่การลงทุนในประเทศไทย จะเน้นการปรับปรุงโรงงานให้ทันสมัยมากขึ้น และเน้นระบบอัตโนมัติเข้ามาเพิ่มขึ้น


นอกจากนี้ บริษัทมองว่าแนวโน้มอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ โดยเห็นได้ชัดจากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาคึกคัก และเริ่มเห็นสัญญาณดีของการฟื้นตัว ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น และเริ่มการปรับปรุงหรือก่อสร้างอาคารต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มโรงงานที่บริษัทได้เข้าไปทำตลาด ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเติบโตได้


นายจตุภัทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นเรื่องการขึ้นค่าแรงของรัฐบาลชุดใหม่มองว่า ปัจจุบันกำลังการผลิตของบริษัทเน้นเป็นเครื่องจักรอัตโนมัติมากขึ้น โดยเน้นการลดใช้แรงงาน ทำให้ค่าแรงที่อาจจะเพิ่มขึ้นไม่น่าจะส่งผลต่อต้นทุนของบริษัทมากนัก เพราะ 70% ของต้นทุนของการผลิตมาจากวัตถุดิบเป็นหลัก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของราคาวัตถุดิบจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนมากกว่า


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ