ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จากปิดการซื้อขายวันศุกร์ดัชนีอยู่ที่ 1,561.35 จุด หลังมีแรงเทขายออกมา จากมีการประกาศผลการเลือกตั้ง แต่ยังไม่มีความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาล
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์กสิกรไทย กล่าวว่า ปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาแรง โดยเกิดแรงขายจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติออกมา ซึ่งโดยปกติแล้วตลาดหุ้นไทยไม่ชอบความไม่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะมีการขายทำกำไร และลดความเสี่ยงลงมา
หลังจากผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว ทำให้มีการวิเคราะห์ scenario การจัดตั้งรัฐบาลออกมาเป็นหลายกรณี เช่น
1.พรรคที่ได้เสียงข้างมาก สามารถรวมคะแนนเสียงได้ถึง 310 เสียง และรวมคะแนนเสียงกับสมาชิกวุฒิสภา (สว.) อีกราว 60-70 เสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้
2.กลุ่มพรรคที่ได้เสียงข้างมาก รวมคะแนนเสียงกับพรรคภูมิใจไทย
และ 3.พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งตอนนี้มีความไม่แน่นอนว่าจะออกมาในกรณีใด
อย่างไรก็ดี คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน น่าจะเห็นความชัดเจนขึ้น เพราะฉะนั้นมองว่าระยะสั้นตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลงมา โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,490-1,520 จุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะสามารถยืนเหนือระดับ 1,500 จุดหรือไม่ นายสรพล มองว่า น่าจะยืนอยู่ เพราะช่วงที่ผ่านมานักลงทุนมีการเทขายหุ้นออกมาส่วนหนึ่งแล้ว รับกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ว่าผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นจะออกมาแบบใด จะเป็นการผ่อนคลายปัจจัยที่กดดันตลาด และจะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ แต่หุ้นในกลุ่มไหนจะนำปรับตัวขึ้นก่อนขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และพรรคขั้วรัฐบาลเป็นฝ่ายไหน
อย่างไรก็ดี ช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมา มองเป็นโอกาสเข้าซื้อได้ แต่อาจไม่เห็นการฟื้นตัวแบบ V-Shape ซึ่งยังต้องติดตามต่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะออกมาในรูปแบบใด นอกจากนี้ยังต้องติดตามประเด็นของเพดานหนี้สหรัฐฯ (debt ceiling) และโอกาสของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไปในเดือนมิถุนายนนี้