บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ประกาศงบผลประกอบการสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566 ทอท.มีกำไรสุทธิจำนวน 1,860.53 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 5,136.99 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 3,276.46 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายหรือการให้บริการเพิ่มขึ้น 7,983.74 ล้านบาท หรือร้อยละ 264.62 จากการเพิ่มขึ้นทั้ง รายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน 4,305.03 ล้านบาท หรือร้อยละ 345.20 และรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน 3,678.71 ล้านบาท หรือร้อยละ 207.85 เนื่องจากจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารโดยรวมเพิ่มขึ้น รายได้อื่นลดลง 432.61 ล้านบาท หรือร้อยละ 82.09
ส่วนค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 1,302.97 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.43 ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงาน ค่าจ้างภายนอก ค่าสาธารณูปโภค และค่าใช้จ่ายอื่น ในขณะที่ขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ลดลง รวมทั้งต้นทุนทางการเงินลดลง 10.80 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.47 สำหรับค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 1,181.32 ล้านบาท หรือร้อยละ 157.73 สอดคล้องกับผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วงตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2566 จนถึงปัจจุบัน การเดินทางของผู้โดยสารมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการที่หลายๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยมีนโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ รวมทั้งปริมาณนักทองเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสายการบินกลับมาทำการบินในเส้นทางการบินเดิม และเพิ่มเส้นทางการบินใหม่ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจการบินและธุรกิจท่องเที่ยวให้สามารถฟื้นตัวและดำเนินกิจการได้ดีขึ้น
ทอท.ในฐานะรัฐวิสาหกิจที่บริหารท่าอากาศยานหลักทั้ง 6 แห่งของประเทศ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ในการรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศและผู้โดยสารจากหลากหลายภูมิภาคทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย ทอท.ยังคงพัฒนาโครงการต่างๆ ตามแผนงาน เพื่อรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2565 มีมติอนุมัติโครงการพัฒนาทางอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 วงเงิน 36,829 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการคืนขีดความสามารถท่าอากาศยานดอนเมือง และรักษาระดับมาตรฐานการให้บริการ (Level of Service) โดยสามารถรองรับผู้โดยสารภายในประเทศได้เพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปี และผู้โดยสารระหว่างประเทศได้เพิ่มขึ้น 6 ล้านคนต่อปี ซึ่งหลังโครงการแล้วเสร็จ จะทำให้ท่าอากาศยานดอนเมืองมีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 30 ล้านคนต่อปี เป็น 40 ล้านคนต่อปี และเพิ่มหลุมจอดอากาศยาน 12 หลุมจอด เพิ่มจำนวนสะพานเทียบเครื่องบิน 11 สะพาน รวมทั้งปรับปรุงระบบถนนภายในท่าอากาศยาน ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของรายได้ เป็นการสร้างโอกาสการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตของ ทอท.ในอนาคต ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อ ทอท. และผู้ถือหุ้นในระยะยาว
นอกจากนี้ ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของรายได้ประเทศในภาพรวม เช่น รายได้จากการท่องเที่ยว รายได้ภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว รายได้จากอุตสาหกรรมผลิตสินค้า การเพิ่มขึ้นของอัตราการจ้างงาน และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือน รวมทั้งเพิ่มความสะดวกสบายต่อผู้ใช้บริการ