ความเคลื่อนไหวการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยในวันที่ 25 เม.ย. ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญกับปัจจัยลบจากต่างประเทศทั้งความกังวลในเรื่องการปรับขึ้นนโยบายของดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่อาจยังไม่ใช่จุดสูงสุด ในขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนส่งผลให้ดัชนีวันนี้ ลงมาทดสอบที่ 1,540 จุด หรือปรับตัวลดลง 17.67 จุด หรือ 1.13% นอกจากนี้ยังมีหุ้นดังอย่าง VGI และ JMART ที่ราคาปรับตัวลดลงแรงด้วย
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด หรือ TRINITY เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในวันนี้เจอแรงเทขายตามตลาดหุ้นต่างประเทศ จากความกังวลในเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ทำให้เกิดภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายออกในหลายประเทศรวมถึงในไทยด้วย
“การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ เป็นไปตามภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงในหลายประเทศ โดยเฉพาะในด้านความกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยในประเทศไทยยังไม่มีเรื่องใหม่ที่เข้ามาหนุนการฟื้นตัว”
ทั้งนี้หากพิจารณาในหุ้นรายตัวจะพบว่า มีบางหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงแรง อย่างในหุ้นของ บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ราคาปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 17.50 บาท ลดลงเกือบ 10% ผลมาจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เลื่อนกรอบเวลาการเปิดรับสมัคร ผู้ที่จะยื่นขอใบอนุญาตธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ออกไปเป็นภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 ทำให้เกิดแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง หรือในหุ้นของ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ที่ราคาลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.40 บาท หรือลดลง 14.15% ในวันเดียว เป็นผลมาจากแรงกดดันในงบไตรมาสที่ 1 ที่หลายบริษัทหลักทรัพย์มองว่าอาจมีผลการดำเนินงานออกมาขาดทุน
อย่างไรก็ตามการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ มองว่าเป็นโอกาสเข้าลงทุน โดยมองแนวรับที่ 1,520 จุด โดยนักลงทุนสามารถเข้าลงทุนเพื่อรับการฟื้นตัวในระยะสั้นได้ โดยเฉพาะในเรื่องการเข้าใกล้สู่การเลือกตั้งที่จะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นกลุ่มค้าปลีก กลุ่มธนาคาร และกลุ่มโรงแรม ก่อนที่จะขายทำกำไรหลังการประกาศผลเลือกตั้ง
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เราคาดไตรมาสที่ 4 ในปี 65/66 มีผลขาดทุนปกติที่ 61 ล้านบาท ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเม็ดเงินสื่อ OOH ฟื้นตัว บัตร Rabbit มีจำนวน และ transaction เพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้โดยสาร BTS ขณะที่แย่ลงจากไตรมาสก่อนจากการจัดโปรโมชันและการทำการตลาดที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามเราคาดกำไรปกติปี 2566/67 ที่ 592 ล้านบาท พลิกมากำไรจากปีก่อนหน้าที่คาดผลขาดทุนปกติอยู่ที่ 381 ล้านบาท โดยฟื้นตัวจาก OOH และ Rcash ที่เตรียมปล่อยกู้ Welfare loan 1.5 พันล้านบาท