TOA โชว์ยอดขายปี 65 ทะลุ 2 หมื่นล้านรับเศรษฐกิจฟื้น กำไรสุทธิ 1,672 ล้าน

TOA โชว์ยอดขายปี 65 ทะลุ 2 หมื่นล้าน กำไรสุทธิ 1,672 ล้าน พร้อมตั้งเป้าปี 66 เติบโตกว่า 15% คาดแนวโน้มกำไรที่กำลังฟื้นตัวดีขึ้น

เมื่อวันที่ 28 ก.พ.66 นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA กล่าวว่า บริษัทมียอดขายในปี 65 ที่ผ่านอยู่ที่ 20,649 ล้านบาท โดยเติบโต 18% จากปีก่อน โดยยอดขาย ไตรมาส 4/65 เป็นเงิน 5,445 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17%

ทั้งนี้ TOA สามารถเติบโตได้ทุกช่องทางการขาย ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจสีที่ TOA เป็นผู้นำมาอย่างยาวนาน เสริมด้วยธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้างและยิปซัมบอร์ดที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นด้วยตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกำไรจากธุรกิจปกติ สำหรับปี 2565 เป็นเงิน 1,672 ล้านบาท ลดลง 9% เนื่องจากราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตอื่นๆ ที่ยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากราคาพลังงาน ภาวะเงินเฟ้อ และค่าเงินบาทที่อ่อนตัว

ขณะที่กำไรจากธุรกิจปกติสำหรับไตรมาส 4/65 เป็นเงิน 399 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อนเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/65 ยังเติบโตกว่า 13% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมการบันทึกผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการแปลงค่างบการเงินจากทรัพย์สินและหนี้สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศ และการบันทึกราคาตลาดของเงินลงทุน ส่งผลให้กำไรสุทธิต่ำกว่ากำไรจากธุรกิจปกติ โดยกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 เป็นเงิน 1,418 ล้านบาท ลดลง 27% และกำไรสุทธิ สำหรับไตรมาส 4 ปี 2565 เป็นเงิน 287 ล้านบาท ลดลง 39%

ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 66 ได้มีมติเห็นชอบเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 27 เม.ย. 2566 พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท

เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ได้จ่ายไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท จะรวมเป็นเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 59% จากกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของปี 2565

สำหรับปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้น 15% โดยการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกและการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อคว้าโอกาสการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจสี เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง

ตลอดจนโอกาสจากธุรกิจฮาร์ดแวร์ที่ยังมีโอกาสการเติบโตได้อีกมาก นอกจากนี้กำไรขั้นต้นในปี 2566 ยังมีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบบางส่วนเริ่มทยอยปรับตัวลดลง