มุมมองทรีนีตี้!!

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

มุมมองทรีนีตี้!!

Date Time: 13 ม.ค. 2566 05:08 น.

Summary

  • ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 ม.ค.66 ปิดที่ 1,687.45 จุด เพิ่มขึ้น 1.70 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 72,753.01 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 387.78 ล้านบาท

Latest

เปิดพอร์ตหุ้น หมอบุญ วนาสิน จากผู้ก่อ THG เหลืออันดับที่ 11 สู่หมายจับฉ้อโกงกู้เงิน 8 พันล้าน

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 ม.ค.66 ปิดที่ 1,687.45 จุด เพิ่มขึ้น 1.70 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 72,753.01 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 387.78 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 156.50 บาท บวก 1.50 บาท, KCE ปิด 52.50 บาท บวก 3.25 บาท, ESSO ปิด 9.20 บาท ลบ 1.90 บาท, DELTA ปิด 872.00 บาท บวก 22 บาท, AOT ปิด 74 บาท ลบ 0.25 บาท

หุ้น ESSO ปรับลงสวนทาง BCP ที่เด้งขึ้นหลังประกาศซื้อกิจการเอสโซ่ พร้อมตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นจากรายย่อยทั้งหมด หลังคาดการณ์ราคาซื้อขายอาจต่ำกว่า ราคาหุ้นในกระดานขณะนี้

“วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล” กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ มองทิศทาง หุ้นไทยปี 66 ผันผวนแกว่งตัวขึ้น-ลง 300 จุด หรือ 1,500-1,760 จุด ประเมินไตรมาส 1 ปี 66 จะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด เพราะได้แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ที่ไหลเข้าไทยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) แล้วกว่า 8 หมื่นล้านบาท ไหลเข้าหุ้นไทยราว 15,000 ล้านบาท และตลาดตราสารหนี้กว่า 6-7 หมื่นล้านบาท และครึ่งปีหลังอาจเห็นเงินต่างชาติไหลลงทุนในเอเชียเหนือ เช่น เกาหลีใต้-ไต้หวันมากขึ้น ทำให้กลุ่ม Tech ในจีน, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ outperform ขึ้นมา เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อ Fund Flow ให้ไหลออกจากตลาดหุ้น ASEAN รวมถึงหุ้นไทย

แนะ Sector Rotation ให้น้ำหนักลงทุนมากกว่าตลาดในหุ้นแบงก์, ค้าปลีก, โรงไฟฟ้า, Infrastructure Fund, Industrial Estate และโทรคมนาคม

ส่วนนโยบายดอกเบี้ยเฟดกลางปีนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดและมีผลต่อทิศทางหุ้นทั่วโลก คาดไว้ 3 กรณี 1.เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในไตรมาส 1 สู่ระดับ 5% แล้วหยุดทั้งปี มีโอกาสเกิดขึ้น 35-40% ผลคือหุ้นทั่วโลกจะ Sideway up แต่ฟันด์โฟลว์จะเคลื่อนย้ายมาสู่เอเชียเหนือมากขึ้น (กรณีฐาน)

2.เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในไตรมาส 1 สู่ระดับ 5% แล้วปรับลงกว่า 1-1.5% ในไตรมาส 4 มีโอกาสเกิดขึ้น 30 - 35% ผลคือ ตลาดหุ้น Emerging Market จะ outperform 3.เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ไตรมาส 1 สู่ระดับ 5% และปรับขึ้นอีกครั้งช่วงปลายปีสู่ระดับ 6.5% มีโอกาสเกิดแค่ 20% ผลคือ หุ้นทั่วโลกจะปรับฐาน (เลวร้ายสุด) ส่วน กนง.มองอาจขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% อีก 2 ครั้งแล้วหยุดการขึ้นดอกเบี้ย เพราะเงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุดแล้ว

แนะ Asset Allocation เพิ่มน้ำหนักลงทุนใน Global Fixed Income 25-30%, ลงทุนหุ้นใน Emerging Market 20–25% เน้นหุ้นจีน-เวียดนาม-ไทย อีก 10-15% ลงทุนทองคำ อีก 5-10% หุ้นยุโรป และญี่ปุ่น 5% ขณะที่ให้ถือเงินสด 25-30%.

อินเด็กซ์ 51


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ