อิชิตัน กรุ๊ป ประเมินตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ยังโตต่อเนื่อง จากกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาคึกคัก ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 66 โต 15% พร้อมลุยธุรกิจน้ำอัดลม ลุยขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง
นายตัน ภาสกรนที ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยว่า ทิศของตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ในปี 2566 คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเครื่องดื่มในกลุ่มเน้นบริโภคกันนอกบ้านจะเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในกลุ่มน้ำอัดลมที่ปัจจุบันกลุ่มวัยรุ่นให้ความนิยมมากขึ้น
“ทิศทางในปีหน้าตลาดเครื่องดื่มจะโตดีต่อเนื่อง เพราะกิจกรรมต่างๆ กลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน และสงกรานต์ ที่น่าจะมีการจัดกิจกรรมกันเป็นปีแรก จะช่วยให้ตลาดเครื่องดื่มเติบโตได้อีก”
ทั้งนี้ในตลาดชาเขียวในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% การแข่งขันคาดว่าจะดุเดือดมากขึ้น ซึ่งในฝั่งของอิชิตันยังคงเดินหน้าในตลาดสินค้าที่มีอัตรากำไรค่อนข้างสูง และในขณะเดียวกันจะลุยตลาดน้ำอัดลมด้วย
โดยในปี 2566 ICHI ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตจากปีนี้ 15% โดยจะเป็นการเติบโตตามตลาดชาเชียวที่ขยายตัวได้ดี และนอกจากนี้ยังเดินหน้าออกผลิตใหม่ ตันซันซู ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากในปีนี้ จะมีการออกรสชาติใหม่ในปีหน้าอีก 2 รสชาติ รวมถึงตลาดรับจ้างผลิต หรือ OEM ที่จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
ส่วนตลาดในต่างประเทศการเติบโตได้ดีในอินโดนีเซีย ที่บริษัทอยู่ระหว่างการพูดคุยกันพันธมิตรในการขยายกำลังการผลิต รวมถึงการเข้าทำการตลาดในฟิลิปินส์ ส่วน CLMV ที่เป็นฐานสำคัญของการส่งออกก็มีแนวโน้มเติบโตได้ดี ในระยะยาว 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าหมายมีสัดส่วนรายได้และกำไรจากตลาดต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 10%
สำหรับภาพรวมในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ 6,500 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเติบโตที่ดีกว่าคาด ทั้งในประเทศไทยและอินโดนีเซีย ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 4 ประเมินว่า โมเมนตัมของการเติบโตจะดีอย่างต่อเนื่อง
การเติบโตของตลาดในประเทศที่มีทิศทางที่ดี ตลาดชาเขียวยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถจำหน่ายสินค้าได้ 32 ยูนิต ต่อ 1 outlet สูงกว่าคู่แข่ง และถูกส่งต่อมายังไตรมาสที่ 4 และคาดว่าจะใช้กำลังการผลิตที่ 65% ทรงตัวจากไตรมาสที่ 3 โดยบริษัทมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ ทั้งตันซันซู อิชิตันน้ำด่าง ชิซึโอกะ เก็นไมฉะ มัทฉะ รวมถึงการเป็นผู้ผลิตสินค้า OEM อีก 4 ราย นอกจากนี้บริษัทยังมีการปรับสูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบการจัดเก็บภาษีความหวานเพิ่มเติมในอนาคต
ส่วนการเติบโตในประเทศอินโดนีเซียยังเป็นไปตามแผน โดยปัจจุบันได้ใช้กำลังการผลิตเต็มแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจาพันธมิตรอีก 1 ราย เพื่อขยายกำลังการผลิตในปีหน้า โดยในปีนี้ได้มีการปรับเป้าหมายส่วนแบ่งกำไรจากอินโดนีเซีย จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ 65 ล้านบาท เพิ่มเป็น 80 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของ ICHI ในไตรมาสที่ 3 บริษัทมีกำไนสุทธิ 192 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 49.8% ขณะที่กำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 414.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4%.