ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 18 ต.ค.65 ปิดที่ 1,590.36 จุด เพิ่มขึ้น 18.96 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 63,968.20 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 419.62 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด CPALL ปิด 58.50 บาท บวก 1.50 บาท, PTT ปิด 34.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, AOT ปิด 72 บาท บวก 1.75 บาท, PTTEP ปิด 170 บาท บวก 0.50 บาท, MINT ปิด 26.25 บาท บวก 1.75 บาท
บล.โกลเบล็ก ประเมินทิศทางหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวน Sideway Down ถูกกดดันจากตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นหลังจากสหรัฐฯเปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 8.2%YoY สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 8.1% YoY และตัวเลขยอดค้าปลีกทรงตัวในเดือน ก.ย. หนุนให้คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงต่อไป
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำหุ้นได้ประโยชน์จากเหตุการณ์น้ำท่วม เพราะมีการตกแต่งซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วม ได้แก่ GLOBAL, DOHOME, HMPRO, TOA, DPAINT, COTTO, DCC และ TASCO รวมทั้งหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และสัปดาห์นี้จะประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 65 ออกมาดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ BBL, KBANK, KTB และ SCB
ปิดท้ายมีข่าว ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เตรียมออกและเสนอขายตราสารด้อยสิทธิเพื่อนับเป็นเงินกองทุนประเภทที่ 2 หรือ “ตราสารเงินกองทุน” อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.30% ต่อปี ขายให้แก่ผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน ระหว่างวันที่ 3-16 พ.ย.นี้
ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA(tha) แนวโน้ม “มีเสถียรภาพ” จากฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) สะท้อนความแข็งแกร่ง ในฐานะกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินฝาก และเป็นสถาบันการเงินในเครือ MUFG หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มั่นใจว่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุน
ทั้งนี้ ณ สิ้นวันที่ 30 มิ.ย.65 ธนาคารมีสินเชื่อรวม 1.95 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.82 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.6 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ที่ 292.34 พันล้านบาท เทียบเท่า 17.59% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 12.82%
ผู้ลงทุนรายใหญ่ หรือผู้ลงทุนสถาบัน ที่สนใจจองซื้อตราสารเงินกองทุน ซึ่งจะเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จำนวนจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท!!
อินเด็กซ์ 51