ปัจจุบัน ผู้คนนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยง น้องหมา-น้องแมว ด้วยความรักและดูแลเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว ซึ่ง Humanization นี้ ไม่เพียงเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ถือเป็นเมกะเทรนด์ หรือเทรนด์ของโลก โดยบรรดา “ทาสแมวทาสหมา” พร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อสร้างความสุขและสรรหาอาหารอร่อยถูกปาก มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพให้กับสัตว์เลี้ยงของตัวเอง ทำให้มูลค่าตลาดอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของโลกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี ล่าสุด ปี 64 มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ราว 5 ล้านล้านบาท
บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ที่เริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2520 โดยทีมงานกลุ่มเล็กๆ ของกลุ่มไทยยูเนี่ยน หนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ของโลกในปัจจุบัน ด้วยเล็งเห็นโอกาสในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและเพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับปลาทุกส่วนให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนำมาแปรรูปเป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพมีคุณค่าทางโภชนาการ!!
จนทำให้ ไอ-เทล ได้ขยายธุรกิจจนเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน ไอ-เทล เป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชีย และผงาดเทียบชั้นอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียกในกลุ่ม OEM อันดับ 4 ของโลก
ส่งออก 45 ประเทศทั่วโลก
นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ไอ-เทล ได้พัฒนาและผลิตสินค้าทั้งอาหารแมว อาหารสุนัข และขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงรวมกันกว่า 4,809 รายการ โดยส่งออกไปจำหน่ายกว่า 45 ประเทศทั่วโลก!!
โมเดลธุรกิจของ ไอ-เทล ครอบคลุมทั้งบริการรับจ้างผลิตสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจร (OEM) เริ่มตั้งแต่ให้คำปรึกษา ผลิตบรรจุผลิตภัณฑ์และส่งออก รวมทั้งการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัวให้กับทั้งลูกค้า ผู้บริโภค และสัตว์เลี้ยงตามช่วงอายุ โดยลูกค้ารายใหญ่ของ ไอ-เทล ล้วนเป็นแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงชั้นนำของโลกทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ยังผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท เช่น Bellotta อาหารและขนมเกรดพรีเมียมสำหรับแมว Marvo อาหารสุนัขที่มีรสชาติรูปแบบหลากหลาย ChangeTer อาหารและขนมสำหรับแมวที่ดีต่อไต Calico Bay อาหารแมว เปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา และ Paramount อาหารสุนัขระดับพรีเมียมที่ผลิตจากส่วนผสมธรรมชาติ ซึ่งยังถูกใช้เป็นแพลตฟอร์มในการทดลองตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าของไอ-เทลอีกด้วย
ผลประกอบการแข็งแกร่ง
สำหรับผลประกอบการไอ-เทล มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง โดยปี 2564 มียอดขายรวม 14,529 ล้านบาท แบ่งเป็น อาหารแมว 73.7% อาหารสุนัข 11.4% ขนมทานเล่นสำหรับแมว 9.5% ขนมทานเล่นสำหรับสุนัข 5.3% และอื่นๆ 0.1% โดย บริษัทมีโครงสร้างรายได้หลักมาจากกลุ่ม OEM 98.8% โดยมีฐานรายได้จากหลายประเทศ ปี 2564 มีสัดส่วนรายได้จากการขายเสมือน แบ่งเป็นทวีปอเมริกา 46% ยุโรป 19% เอเชียและโอเชียเนีย 35% ซึ่งเรากำลังมุ่งขยายตลาดไปยังยุโรปและจีนมากขึ้น เพราะเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดได้อีกมาก ทั้งนี้ ข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี (2562-2564) รายได้ของบริษัทเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 15%
และล่าสุด ครึ่งแรกของปี 2565 มีรายได้จากการขายเสมือน รวม 9,707 ล้านบาท เติบโต 38% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีอัตรากำไรสุทธิ 2,257 ล้านบาท เติบโต 40% จากช่วงเดียวกันปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไร 23%
นายพิชิตชัยกล่าวต่ออย่างภาคภูมิใจว่า ภายใต้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่ได้การยอมรับจากทั่วโลก ด้วยศักยภาพการผลิตที่ทันสมัยและน่าเชื่อถือนี้ ไอ-เทล มีโรงงานหรือฐานการผลิตอยู่ในประเทศไทย คือที่จังหวัดสมุทรสาครและสงขลา โรงงานทั้ง 2 แห่งมีกำลังการผลิตรวม 172,786 ตัน/ปี และกำลังสร้างโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังผลิตเพิ่มที่สมุทรสาคร นอกจากนี้ยังมีคลังสินค้าที่ทันสมัย มีพื้นที่จัดเก็บรวม 68,770 พาเลท โดยกระบวนการผลิตได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP และ HACCP และมาตรฐานในหลายประเทศ
รังสรรค์ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย
ที่สำคัญ ไอ-เทล ยังมีระบบนิเวศเชิงนวัตกรรม (Innovation Ecosystem) ที่เพียบพร้อม จากการมีผู้เชี่ยวชาญด้านวิจัยและนวัตกรรมกว่า 80 คน และมีศูนย์ศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยทั้งของ ไอ-เทล เอง และจากกลุ่มไทยยูเนี่ยน โดยมีพันธมิตรด้านนวัตกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ที่พร้อมสร้างสรรค์โซลูชันใหม่ๆ ร่วมกัน โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ล้ำสมัย เช่น i-Tail R&D ทีมวิจัยและพัฒนา คิดค้นสูตรอาหารที่มีความสมดุลทางโภชนาการ Global PetCare Innovation Center (GPCI) ศูนย์นวัตกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง เพื่อพัฒนาและศึกษาเทคโนโลยีด้านโภชนาการใหม่ๆ เพิ่มประสิทธิภาพคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ รวมถึงมีการจัดตั้ง Cattery ที่เป็นมากกว่า R&D เพื่อวิจัยพฤติกรรมและความชอบของแมวอีกด้วย
นอกจากนี้ยังร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ พัฒนาโครงการศึกษาและวิจัยร่วมกับสถาบันด้านนวัตกรรมอาหารและสัตว์เลี้ยง เช่น โครงการพัฒนาอาหารสำหรับสุนัขที่แพ้อาหารเพื่อช่วยเพิ่มคุณค่าและความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์บริษัทฯ ศูนย์ทดลองผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงก่อนพัฒนาสู่ตลาดจริง
ที่สำคัญ ไอ-เทล ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทผู้ผลิตและส่งออกทูน่ารายใหญ่ของโลกอย่าง ไทยยูเนี่ยน ขณะที่ไทยเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่แปรรูปอันดับ 3 ของโลก จึงมั่นใจได้ว่าเราจะมีวัตถุดิบที่มีคุณภาพในการผลิตอย่างสม่ำเสมอรวมถึงความร่วมมือต่างๆ ภายในกลุ่ม อาทิ กับศูนย์นวัตกรรมไทยยูเนี่ยน
จ่อระดมทุนเข้าตลาดหุ้น
นายพิชิตชัยกล่าวว่า ล่าสุด ไอ-เทล เตรียมนำบริษัทระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเสนอขายหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 660 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 22% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด และล่าสุด ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งไฟลิ่งของ ไอ-เทล เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565
คาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศและนำบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปลายปีนี้ โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปพัฒนาและขยายธุรกิจรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
#หุ้นITC #iTailIPO
ที่มา : ข้อมูลตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงโลกและการจัดอันดับเชิงมูลค่าอ้างอิงจาก Frost &Sullivan, www.petfoodindustry.com ณ ปี 2564
ข้อมูลทางการเงินของบริษัท จากงบการเงินเสมือนสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562-2564 และ สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 และ 2565
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน