มุมมองทรีนีตี้!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 1 ก.ค.65 ปิดที่ 1,572.67 จุด บวก 4.34 จุดมีมูลค่าซื้อขาย 49,435.62 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 748.39 ล้านบาท

บล.ทรีนีตี้ แนะกลยุทธ์จัดสรรพอร์ตลงทุนไตรมาส 3 มองว่า นักลงทุนสามารถ Overweight การลงทุนในตราสารพันธบัตรระยะยาวได้ ส่วนการลงทุนในหุ้น เน้นการตั้งรับและรอการเข้าซื้อในจังหวะที่เหมาะสม หรือในช่วงเวลาที่ Valuation ลงมาในระดับที่น่าจูงใจ

มองกรอบแนวรับแรกของดัชนีที่น่าสนใจบริเวณ 1,500-1,530 จุด ส่วนระดับแนวรับสำคัญที่ไม่น่าหลุดคือ 1,460-1,500 จุด ถือเป็นระดับที่ทำให้ SET กลับมามีความน่าสนใจอย่างมาก ทั้งในมิติของ PBV, PE และ Earning yield gap ทั้งนี้ หากดัชนีหุ้นไทย จะกลับมาไต่ระดับขึ้นได้อีกครั้ง ต้องอาศัยการไหลเข้าของ Fund flow อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งประเมินว่าน่าจะเกิดขึ้นช่วงกลาง-ปลายไตรมาส 3 นี้เป็นอย่างเร็ว พร้อมๆกับจุดเปลี่ยนของค่าเงินบาท

โดยทิศทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ที่มีแนวโน้มชะลอตัวมากขึ้น ทำให้ประเมินว่าการจัดสรรการลงทุนไตรมาส 3 หุ้นกลุ่มที่สามารถหลีกเลี่ยงหรือ Underweight คือหุ้นกลุ่ม Cyclical ไปก่อนได้ ทั้งฝั่งของ Global เช่น กลุ่ม Oil & Gas / ปิโตรเคมี อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงฝั่งไทย เช่น กลุ่ม Consumer อสังหาฯ ก่อสร้าง สื่อฯ ไฟแนนซ์ เป็นต้น

หากต้องเลือกลงทุนกลุ่ม Cyclical จริง มอง Oil retailer ที่ค่าการตลาดเริ่มทรงตัวได้ และ Volume การขายกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมถึงหุ้น Bank ที่มีฐานลูกค้าเน้น Corporate และมีสัดส่วนการตั้งสำรองระดับสูง

ส่วนกลุ่มที่ค่อนข้างปลอดภัย และมักทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของไทยเป็นครั้งแรกนี้ ได้แก่ กลุ่ม Healthcare/Consumer staples/Utilities/ICT หุ้นกลุ่มเหล่านี้ นักลงทุนสามารถใช้จังหวะแนวรับที่ให้ไว้ในการทยอยเข้าลงทุนได้

รวมทั้งกลุ่มบริหารหนี้ AMC ที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้ม NPL ในประเทศที่เตรียมกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง รวมถึงกลุ่มอาหาร ที่ได้อานิสงส์การอ่อนค่าของเงินบาทในครึ่งแรกไตรมาส 3 และได้ประโยชน์จากราคาเนื้อสัตว์ที่สูงขึ้นด้วย

สรุปหุ้น Top picks สำหรับการลงทุนไตรมาส 3 ได้แก่ ADVANC, BBL, BDMS, CPALL, CPF, GPSC, JMT, OR, RATCH, WHAUP!!

อินเด็กซ์ 51