อิชิตัน เผยปี 64 ธุรกิจ OEM รายได้พุ่งกว่า 73% เตรียมปันผล 50 สต.ต่อหุ้น วางเป้าปี 65 รายได้แตะ 6,500 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 65 นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI กล่าวว่า ผลประกอบการปี 64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 546.8 ล้านบาท เติบโต 6.1% จากปีก่อนอยู่ที่ 515.5 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้น 19.3% อัตรากำไรสุทธิ 10.5%
ขณะที่รายได้จากการขาย 5,228.3 ล้านบาท เติบโต 2.5% จากปีก่อนอยู่ที่ 5,099.3 ล้านบาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสด จากผลการดำเนินงานประจำปี 2564 และกำไรสะสมในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) วันที่ 6 พ.ค. และจ่ายปันผลวันที่ 23 พ.ค. 2565
สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2564 เป็นอีกปีที่ท้าทายและต้องพยายามอย่างหนักในการทำตลาดท่ามกลางสถานการณ์โควิดที่มีการแพร่ระบาดตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมกำลังซื้อในประเทศ โดยอิชิตันพยายามยึดฐานที่มั่นด้วยการผลักดันสินค้าชาเขียวรสชาติที่ผู้บริโภคมั่นใจเพื่อครองความนิยมอันดับหนึ่ง ในขนาดและราคาที่เหมาะสม ประกอบกับการได้รับแรงหนุนบางส่วนในตลาด Traditional Trade จากมาตรการภาครัฐที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ จนสามารถมีผลการดำเนินงานที่เติบโตทั้งรายได้และกำไร
นอกจากนี้ ธุรกิจรับจ้างผลิต หรือ OEM มีรายได้เติบโตขึ้นถึง 73% จากความเชื่อมั่นของพาร์ทเนอร์ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ช่วยสนับสนุนอัตราการใช้กำลังการผลิต หรือ Utilization Rate ขณะที่อิชิตัน อินโดนีเซีย ประสบความสำเร็จ โดยรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ 59 ล้านบาท เติบโตกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากความสำเร็จในสินค้าตระกูลชาไทย ซึ่งเป็นกลุ่ม Cash cow ที่สามารถผลักดันกำไรได้ในระดับที่ดี ด้วยความโดดเด่นของสินค้าและมีรสชาติที่แตกต่าง
นายตัน กล่าวอีกว่า ในปี 65 นี้แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะกระทบต้นทุนการผลิตบ้าง แต่อิชิตันพยายามปรับแผนบริหารการผลิตเพื่อควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบ พร้อมวางเป้าหมายรายได้ปีนี้แตะ 6,500 ล้านบาท ตามกลยุทธ์ที่วางไว้ในการผลักดันสินค้าชาเขียวรสชาติยอดนิยมให้เป็นเรือธง ด้วยแผนการตลาดเชิงรุกไปยังผู้บริโภค และคาดว่าจะได้เห็นความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำเพื่อตอกย้ำรสชาติที่ชัวร์ สดชื่นยืนหนึ่ง สร้างสีสันให้ตลาดคึกคัก ภายในไตรมาส 2/65
นอกจากนี้ เดินหน้าเติบโตภายใต้กลยุทธ์ 3N เริ่มด้วย New product ที่คาดจะเห็นความชัดเจน คือ การเข้าไปบุกตลาดเครื่องดื่มกัญชง หรือ CBD ที่กำลังเป็นที่จับตามองหลังกฎหมายเริ่มเปิดกว้างขึ้นตามขั้นตอน และการเข้าไปเจาะตลาด Carbonated soft drink หรือ CSD ที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมของเครื่องจักรในโรงงานขั้นสุดท้าย เพื่อออกเครื่องดื่มใหม่สุดอินเทรนด์ นับเป็นความคืบหน้าในการขยายไปยัง New Category และ New Segment เข้าสู่ตลาดใหม่ที่น่าจับตามอง
นอกจากนี้ เพื่อผลักดันช่องทางการขาย Traditional Trade ให้ครอบคลุมมากขึ้น อิชิตันเตรียมออกแคมเปญเฉพาะกลุ่มกับพ่อค้าแม่ค้าที่ซื้อยกลังไปขายหน้าร้าน ควบคู่การเอาใจผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเดินหน้าสร้างการรับรู้ช่องทางการขายยกลังแบบออนไลน์ผ่านอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในช่องทางการขายออนไลน์ต่างๆ เพื่อเติบโตไปพร้อมกันในทุกช่องทาง
ด้าน New Business อิชิตันได้ประกาศการเข้าไปรุกธุรกิจใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เข้าลงทุนในบริษัท พรีดิกทิฟ จำกัด หรือ Predictive เพื่อนำ Big Data มาใช้เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจ ทำการตลาดในเชิงวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค และเตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ ทรานส์ฟอร์มสู่องค์กรดิจิทัลให้โตอย่างยั่งยืน.