เซ็นทรัลรุกคืบฮุบเมกาบางนา นักวิเคราะห์ฟันธงซื้อเอสเอฟ "ดีต่อใจ"

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เซ็นทรัลรุกคืบฮุบเมกาบางนา นักวิเคราะห์ฟันธงซื้อเอสเอฟ "ดีต่อใจ"

Date Time: 7 ก.ค. 2564 07:50 น.

Summary

  • มุมมองนักวิเคราะห์ กรณีเซ็นทรัลหรือซีพีเอ็นทุ่ม 2.5หมื่นล้าน ซื้อหุ้นเอสเอฟจากเมเจอร์ เป็นเรื่อง “ดีต่อใจ” ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย ประเมินซีพีเอ็นมองโอกาสขยายพอร์ตศูนย์การค้าใหม่เพิ่ม

Latest

เปิดพอร์ตหุ้น หมอบุญ วนาสิน จากผู้ก่อ THG เหลืออันดับที่ 11 สู่หมายจับฉ้อโกงกู้เงิน 8 พันล้าน

มุมมองนักวิเคราะห์ กรณีเซ็นทรัลหรือซีพีเอ็นทุ่ม 2.5หมื่นล้าน ซื้อหุ้นเอสเอฟจากเมเจอร์ เป็นเรื่อง “ดีต่อใจ” ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย ประเมินซีพีเอ็นมองโอกาสขยายพอร์ตศูนย์การค้าใหม่เพิ่ม โดยเฉพาะการได้มาซึ่งศูนย์การค้าเมกาบางนา ซึ่งเอสเอฟถือหุ้นอยู่ 49% ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ และยังช่วยปักหมุดคุมประตูสู่ตะวันออก ส่วนเมเจอร์ได้โอกาสรับเงินสด ปลดภาระเงินกู้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือซีพีเอ็น (CPN) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า คณะกรรมการบริษัท มีมติให้เข้าทำสัญญาเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บมจ.สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ หรือเอสเอฟ (SF) จาก บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ SF ทั้งหมด 647.158 ล้านหุ้น หรือ 30.36% ในราคาหุ้นละ 12 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 7,765.90 ล้านบาท คาดว่าดีลจะแล้วเสร็จภายใน 30 ส.ค.นี้ โดยหลังทำธุรกรรมการซื้อหุ้นเสร็จสิ้น CPN จะทำคำเสนอซื้อ (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) หรือตั้งโต๊ะรับหุ้นที่เหลือทั้งหมดของ SF ราคาหุ้นละ 12 บาท ใช้เงินอีกราว 17,817 ล้านบาท ทำให้มูลค่าการซื้อ SF ของ CPN รวมกันอยู่ที่ 25,583 ล้านบาท

ขณะที่นายวิชา พูลวรลักษณ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MAJOR กล่าวว่า การขายหุ้น SF ในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อ CPN และ MAJOR เอง โดยในส่วนของ MAJOR หากดีลสำเร็จจะทำให้ MAJOR บันทึกกำไรจากการขายได้ร่วม 3,000 ล้านบาท จากเงินที่ขายได้ 7,765.90 ล้านบาท ทำให้มีเงินสภาพคล่องมาสนับสนุนแผนการลงทุนขยายธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้ส่วนหนึ่งจะนำไปชำระเงินกู้ที่มีดอกเบี้ย ที่มีภาระจ่ายปีละ 100 กว่าล้านบาท สูงกว่าผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ย 5 ปี ที่ SF จ่ายเงินปันผลให้ MAJOR อยู่ที่ปีละ 100 ล้านบาท ดังนั้น MAJOR จะได้ปลดภาระดอกเบี้ยให้เหลือศูนย์ (0) ขณะที่การขายหุ้น SF ออกไป จะไม่มีผลต่องบดุลหรือทรัพย์สินของ MAJOR เพราะบันทึกการลงทุนใน SF เป็นเงินลงทุน ขณะที่ MAJOR มีกำไรจาก SF เพียง 10% ของกำไรทั้งหมด

ขณะที่จากการสำรวจมุมมองของฝ่ายวิเคราะห์ สำนักต่างๆนั้น พบว่า ส่วนใหญ่มองว่าเป็นดีลที่ดีต่อทุกฝ่าย โดย บล.บัวหลวงระบุว่า การที่ CPN ประกาศซื้อ SF เรามองว่า “ดีต่อใจ” มั่นใจว่าการที่ CPN ครอบครอง SF จะทำให้ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ CPN ขณะที่ในฝั่งของ MAJOR มองว่าการขายหุ้น SF ของ MAJOR นั้นเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด ไม่ใช่การถูกบีบบังคับในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เนื่องจากสถานะการเงินที่แข็งแกร่งอยู่แล้วของ MAJOR ไม่จำเป็นต้องขายหุ้น SF เพื่อความอยู่รอด จึงประเมินว่าการขายหุ้น SF ให้กับ CPN จะสร้างประโยชน์ให้กับ MAJOR ทั้งระยะสั้นและยาว

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส ระบุ แม้ราคาซื้อครั้งนี้ที่ราคา 12 บาท สูงกว่าราคาปัจจุบันของSF ที่ 11.60 บาท และสูงกว่า ราคา Book Value สิ้นไตรมาส 1 ปี 64 ที่อยู่ที่ 7 บาท แต่ CPN มีความพร้อมในการลงทุนจึงคาดว่าแผนลงทุนครั้งนี้ จะไม่นำไปสู่การเพิ่มทุนและกระทบเงินปันผล โดย SF จะช่วยขยายพอร์ตโครงการศูนย์การค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น และหากพิจารณาผลประกอบการของ SF พบว่า SF มีรายได้ราว 1,000-1,500 ล้านบาท/ปี และกำไรปกติ 400-600 ล้านบาท ประเมินว่าลงทุนครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้พอร์ตธุรกิจศูนย์การค้าของ CPN มากขึ้น

ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดว่าสิ่งที่ CPN สนใจ SF มองการขยายธุรกิจที่จะได้ประโยชน์ในระยะยาวจากโครงการเมกาบางนาของ SF โดยศักยภาพของเมกาบางนา มีพื้นที่ให้เช่าโดยรวม 180,000 ตารางเมตร มีปริมาณซื้อขายสูง อยู่ถนนบางนา-ตราดเป็นรอยต่อไปยังภาคตะวันออก มีสินค้าและบริหารครบวงจร โดยมีร้าน IKEA ช่วยสนับสนุน สำหรับโครงการเมกาบางนาเป็นบริษัทร่วมทุนของ SF (SF ถือหุ้น 49% ในโครงการดังกล่าว) ที่มีส่วนแบ่งกำไรให้กับ SF ราว 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นกำไรส่วนใหญ่ของ SF เบื้องต้นมองว่าการเข้าถือหุ้นใน SF ของ CPN เป็นโอกาสที่ดีทั้งการขยายธุรกิจและมีโอกาสเป็น Upside ส่วนเพิ่มให้กับบริษัทในอนาคต.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ