ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 1 ก.ค.64 ปิดที่ 1,593.75 จุด เพิ่มขึ้น 5.96 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 81,322.96 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 175.50 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BANPU ปิด 13.30 บาท ลบ 2.30 บาท, KBANK ปิด 122 บาท บวก 4 บาท, GUNKUL ปิด 4.94 บาท บวก 0.22 บาท, PTT ปิด 39 บาท ลบ 0.25 บาท และ SCB ปิด 98.50 บาท บวก 0.50 บาท
บล.ทิสโก้เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง แนะจัดพอร์ตแบบตั้งรับ เน้นลงทุนหุ้นเชิงรับ หุ้นเชิงคุณค่า ลดความเสี่ยงตลาดหุ้นปรับฐาน หลังความเสี่ยงในประเทศยังรุมเร้า ขณะที่เศรษฐกิจโลกน่าจะเร่งตัวผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและนโยบายการเงินเริ่มตึงตัว
แนะกลยุทธ์การเลือกหุ้นลงทุนครึ่งปีหลัง บล.ทิสโก้มองว่าโฉมหน้าหุ้นที่น่าสนใจจะเปลี่ยนไปเป็นหุ้นเชิงรับ (Defensive Stocks) และหุ้นเชิงคุณค่า (Value Stocks) มากขึ้น เพราะเศรษฐกิจโลกน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และราคาหุ้นกลุ่มนี้ยังน่าสนใจ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมายังปรับตัวขึ้นน้อยอยู่ (Laggards) ผสานกับส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะยาวและระยะสั้น (Yield Curve) ที่แปรเปลี่ยนเป็นสภาวะ “Bearish Flattening”
ยิ่งตอกย้ำมุมมองดังกล่าว เพราะในสภาวะ Bearish Flattening Yield Curve ตลาดหุ้นมักให้ผลตอบแทนลดลง และอาจมีการปรับฐานเกิดขึ้น ดังนั้น นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ “Selective Buy” ที่คัดเลือกหุ้นในเชิงคุณภาพมากขึ้น เช่น หุ้นที่มีแนวโน้มธุรกิจดี มีการเติบโต ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และระดับการประเมินมูลค่ายังน่าสนใจ หลังครึ่งปีแรกตลาดหุ้น ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,642 จุด เพราะหุ้นกลุ่มวัฏจักร และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่น เนื่องจากได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่หลังจากนี้ หุ้นที่จะปรับขึ้นนำตลาดจะเปลี่ยนไป กลายเป็นหุ้นเชิงรับและหุ้นเชิงคุณค่า
ดังนั้น บล.ทิสโก้ มองหุ้นไทยจบรอบแกว่งซิกแซ็กขึ้นแล้ว เข้าสู่ช่วงการพักฐานแกว่งตัวออกข้าง ถึงแกว่งตัวลง ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า กลยุทธ์การลงทุนต่อจากนี้ แนะเลือกหุ้นเป็นรายตัว เน้นที่คุณค่าและคุณภาพ
โดยมองธีมการลงทุนหลักช่วงนี้จะเกี่ยวกับการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ที่คาดว่าจะออกมาดี และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุน หุ้นเด่นแนะนำเดือน ก.ค. คือ BCH, BDMS, BEC, JWD, KCE, NYT และ TVO.
อินเด็กซ์ 51