ส่องแนวโน้มราคาทองคำ หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งสูง ขณะที่กองทุน SPDR เทขายอีก 73 ตันตั้งแต่ต้นปี วายแอลจี ประเมินแนวรับที่ 1,730-1,717 ส่วนแนวต้าน 1,759 -1,776 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์
เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า YLG ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในช่วงนี้ ราคาทองคำมีโอกาสดีดตัวในระยะสั้นเพื่อทดสอบแนวต้าน 1,759-1,776 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ หากไม่สามารถยืนได้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงมาสร้างฐานในบริเวณ 1,730-1,717 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ และทรงตัวรักษาระดับไว้ได้ นักลงทุนสามารถหาจังหวะซื้อเพื่อรอทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไป นักลงทุนควรซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น
สำหรับ กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจี มีมุมมองว่านักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ สามารถรอจังหวะเข้าซื้อหากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ 1,744-1,730 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวบริเวณแนวต้าน 1,759-1,776 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ และควรลดสถานะซื้อลงบางส่วนหากราคาหลุดแนวรับ 1,730 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ เพื่อรอซื้อในบริเวณ 1,717 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม หากหลุดบริเวณนี้จำเป็นต้องตัดขาดทุน สำหรับนักลงทุนที่มีทองคำในมือ แนะนำให้ปิดสถานะซื้อทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นเนื่องจากแนวโน้มราคาทองคำในระยะสั้นเป็นขาลง หากราคาปรับตัวขึ้นไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,759-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์
โดยแนวโน้มราคาทองคำแท่ง (96.50%) YLG มองดังนี้ (หมายเหตุ : แนวรับแนวต้านราคาทองคำแท่ง (96.50%) เป็นราคาจากการ Convert ตามสูตรทางทฤษฎี ไม่ได้อ้างอิงจากราคาประกาศของสมาคมค้าทองคำ)
แนวรับ
1,730 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ หรือ 24,800 บาท
1,717 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ หรือ 24,600 บาท
1,703 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ หรือ 24,400 บาท
แนวต้าน
1,759 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ หรือ 25,250 บาท
1,776 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ หรือ 25,450 บาท
1,795 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ หรือ 25,750 บาท
ด้าน นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก มองว่าแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (1-5 มี.ค 64) ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1,700-1,765 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ แต่หากหลุดแนวรับ 1,700 มีโอกาสปรับตัวลงแรงสู่ 1,670 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์
สำหรับปัจจัยที่กดดันราคาทองมาจากแรงขายของกองทุน SPDR ที่มีสถานะขายตั้งแต่ต้นปี 73 ตัน (ปี 63 สถานะซื้อ 275 ตัน) และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปียังเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม