GBS คาดกนง.จะคงดอกเบี้ยนโยบายต่อ เผยหุ้น 7 ตัวได้อานิสงส์ปลดล็อกกัญชง

โกลเบล็ก ประเมินดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหว 1,430- 1,500 จุด พร้อมพาไปส่อง 7 หุ้นเด่นรับอานิสงส์กัญชง พร้อม 5 หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการเราชนะ

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 64 นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ทิศทางหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ เรามองกรอบความเคลื่อนไหวที่ 1,430 - 1,500 จุด โดยปัจจัยที่ยังคงหนุนให้ดัชนียืนในแดนบวกระยะสั้นดังนี้

- ศบค.ได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายพื้นที่ควบคุม กทม.

- แอสตราเซเนกา บริษัทยาและชีวเภสัชภัณฑ์ของอังกฤษ-สวีเดน เตรียมส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ให้สหภาพยุโรป หรืออียูเพิ่มเติมอีก 9,000,000 โดส ในไตรมาสแรกของปีนี้ ทำให้ยอดรวมการส่งมอบของช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ 40,000,000 โดส และคาดว่าจะทยอยเริ่มส่งมอบเร็วกว่ากำหนด 1 สัปดาห์

- ซาอุดีอาระเบีย ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 64 ไปจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. 64 ส่งผลให้เราคาดว่าราคาน้ำมัน WTI จะยังยืนเหนือระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ ยอมรับว่า นักลงทุนยังคงต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง เนื่องจากดัชนีแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway Down หลังจากดัชนีได้ปรับตัวหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,500 จุด พร้อมกับ Fund flow ไหลออก ประกอบกับยังขาดปัจจัยใหม่ๆ เข้าหนุน พร้อมทั้งยังคงต้องจับตาในประเทศ เช่น วันที่ 3 ก.พ.64 นี้จะมีการประชุมกนง.นัดแรกของปี 64 ซึ่ง consensus มีทั้งที่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมและปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ขณะเดียวกัน GBS คาดว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป และระหว่างวันที่ 16-18 ก.พ.นี้ ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และลงมติในวันที่ 20 ก.พ. นอกจากนี้ กรณีที่ธปท.รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก เดือนธันวาคม 2563 ลดลงแรง เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.ซึ่งเป็นการลดลงเดือนแรก นับจากเดือนก.ย. 63 จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ 

ทั้งนี้ จึงอาจส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในอีก 3 เดือน (ม.ค.- มี.ค.64) มีแนวโน้มลดลงตํ่ากว่าค่าเฉลี่ยกลางระดับ 50 ซึ่งตํ่ากว่าความเชื่อมั่นในเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ใช้มาตรการ lock down

อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีตลาดหุ้นจะยังคงผันผวน แต่ฝ่ายกลยุทธ์จึงแนะนำลงทุนในหุ้นที่ได้รับอานิสงส์การขออนุญาตปลูกกัญชงเพื่อการค้า ได้แก่

- DOD หรือ บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ และรูปร่างผิวพรรณ

- ICHI หรือ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเครื่องดื่มต่างๆ ภายใต้แบรนด์อิชิตัน

- CBG หรือ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเครื่องดื่มต่างๆ ภายใต้แบรนด์คาราบาวแดง

- OSP หรือ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและลูกอม

- SAPPE หรือ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเครื่องดื่มต่างๆ ภายใต้แบรนด์เซ็ปเป้ และเพียว

- DDD หรือ บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเครื่องสำอางภายใต้แบนด์สเนลไวท์

- RBF หรือ บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตวัตถุแต่งกลิ่นและรส และสีผสมอาหาร กลุ่มแป้งและซอส กลุ่มผลิตภัณฑ์อบแห้ง กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง กลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติก และกลุ่มผลิตภัณฑ์ซื้อมาเพื่อจำหน่าย

ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการของภาครัฐจากโครงการเราชนะที่มีกำหนดโอนเงินเข้าบัญชีผู้มีสิทธิในเดือนก.พ. ได้แก่

- บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP
- บริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ KK
- บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) หรือ CPALL
- บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC
- บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO

ทิศทางการลงทุนในทองคำ

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก มองว่า เราประเมินแนวรับที่ 1,800 -1,820 $/Oz โดยมองภาพรวมของการลงทุนในทองคำมีโอกาสรีบาวด์ แต่หากไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,860-1,870 $/Oz ให้ระวังแรงขาย เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ยังทรงตัวใกล้ระดับ 1.07 % เป็นปัจจัยกดดัน ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เฟดยังคงเดินหน้าเพิ่มขนาดงบดุล ส่งผลบวกต่อการพยุงราคาทองคำ