นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า การที่นายปรีดี ดาวฉาย ลาออกจากตำแหน่ง รมว.คลัง เชื่อว่าไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เห็นได้จากการจัดงาน Thailand Focus 2020 ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จ โดยกองทุนสถาบันต่างชาติให้ความสนใจกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนไทย และทิศทางในอนาคต โดยเฉพาะผลกระทบจากวิกฤติโควิดต่อความสามารถในการทำกำไร และการปรับตัวของบริษัทจดทะเบียนหลังจากนี้มากกว่า
รวมทั้งนักลงทุนยังให้ความสำคัญกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลมากกว่าตัวบุคคล โดยสนใจมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ และมาตรการการลงทุนภาครัฐมากกว่า ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้ทำอยู่แล้ว โดยไม่ได้อิงนโยบายด้านการคลังเพียงด้านเดียว ดังนั้น เชื่อว่าการที่รัฐมนตรีคลังลาออกจะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ประกอบกับขณะนี้บริษัทจดทะเบียนหลายอุตสาหกรรมของไทยมีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เช่น กลุ่มอาหาร กลุ่มเกษตร เทคโนโลยี ไอที วัสดุก่อสร้าง อิเล็กทรอนิกส์ แพ็กเกจจิ้ง ซึ่งบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษ นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักปัจจัยต่างประเทศหรือภาวะตลาดโลกมากกว่าปัจจัยการเมืองภายในประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ การจัดงาน ‘ไทยแลนด์ โฟกัส 2020’ เมื่อ 26-28 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการจัดงานผ่านระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก มีนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจรับฟังกว่าหมื่นราย
นายภากรยังกล่าวถึงแผนงานของตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วงต่อจากนี้จะเน้นการดำเนินงานให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนให้หลากหลายมากขึ้น ทั้งในส่วนของตราสารหนี้ กองทุน รวมถึงการเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายสกุลเงิน ส่วนแนวโน้มของโครงสร้างตลาดหุ้นไทยในอนาคต เชื่อว่าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจใหม่ เช่น ขนส่งอาหาร ขนส่งสินค้า การท่องเที่ยวยุคใหม่ จะเป็นกลุ่มที่เติบโตได้ดีหลังจากนี้ ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมบริการที่มีสัดส่วนมาร์เกตแคปเพิ่มขึ้นเป็น 20-30% กลุ่มพลังงานลงมาเหลือ 20-25% ธนาคาร 10% อสังหาฯ 10% เทคโนโลยี 10% จาก 10 ปีก่อนหน้านี้เป็นธุรกิจพลังงาน 30%, ธนาคาร 20% และอสังหาฯ 10% ขณะที่บริษัทจดทะเบียนไทยที่ออกไปลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศราว 47% ของรายได้รวม ซึ่งสะท้อนว่า บจ.ไทยมีการกระจายความเสี่ยง โดยมีการลงทุนที่หลากหลาย ไม่อิงกับประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีของบริษัทไทย.