บริษัทผลิตไฟฟ้าเผยผลประกอบการไตรมาส 1 ท่ามกลางภาวะโควิด-19 ระบาด

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

บริษัทผลิตไฟฟ้าเผยผลประกอบการไตรมาส 1 ท่ามกลางภาวะโควิด-19 ระบาด

Date Time: 13 พ.ค. 2563 15:22 น.

Video

คนไทยจ่ายภาษีน้อย มนุษย์เงินเดือนรับจบ ปัญหาอยู่ที่ระบบหรือคนกันแน่ ? | Money Issue

Summary

  • บริษัท ซีเค พาวเวอร์ เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2563 พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุน คาดสถานการณ์ภัยแล้งผ่านจุดต่ำสุด

Latest


บริษัท ซีเค พาวเวอร์ เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2563 พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุน คาดสถานการณ์ภัยแล้งผ่านจุดต่ำสุด

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาสแรกของปี 2563 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีผลการดำเนินงานภาพรวมลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2562 เนื่องจากช่วงฤดูร้อนปีนี้ฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นสภาวะน้ำแล้งต่อเนื่องมาจากปี 2562 ที่มีปริมาณน้ำฝนต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี ส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของทั้งโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี อย่างไรก็ตาม กำไรก่อนค่าใช้จ่ายทาง การเงิน ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ก่อนรวมส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) จากเงินลงทุนในกิจการที่ควบคุมร่วมกันและบริษัทร่วม อยู่ที่ 687 ล้านบาท หรือ คิดเป็นอัตราร้อยละ 39 ของรายได้ แสดงถึงกระแสเงินสดรับที่ยังแข็งแกร่งแม้จะอยู่ในช่วงสภาวะฝนแล้ง

ทั้งนี้ ไตรมาสที่ 1/2563 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 1,762 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 27 จากช่วงเดียวกันของปี 2562 รายได้ที่ลดลงส่วนใหญ่มาจากปริมาณขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า น้ำงึม 2 ลดลง 353.5 ล้านหน่วย และปริมาณขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการที่ 1 (BIC-1) และโครงการที่ 2 (BIC-2) ลดลง 22.4 ล้านหน่วย ขณะที่โรงไฟฟ้าบางเขนชัยโซลาร์ ซึ่งรวมโครงการโซลาร์รูฟท๊อปทั้งหมด มีปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านหน่วย อย่างไรก็ตาม  บริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดตามงบการเงินรวม ณ วันที่ 31 มี.ค.2563 จำนวน 4,547.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 จำนวน 333.5 ล้านบาท และมีอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ในเกณฑ์ดี มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ที่ 0.65 เท่า เมื่อเทียบกับข้อกำหนดของหุ้นกู้ที่ให้คงอัตราไม่เกิน 3.00 เท่า

นายธนวัฒน์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมจากผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกนี้ บริษัทฯ มีกระแสเงินสดเพียงพอในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน ค่าใช้จ่ายทางการเงิน รวมถึงการลงทุนขยายธุรกิจ โดยบริษัทฯ มีวงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้รวมกว่า 10,000 ล้านบาท สามารถนำมาใช้ลงทุนขยายกิจการ ทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ และลงทุนโครงการใหม่ ทั้งนี้ หากช่วงฤดูฝนปริมาณน้ำฝนกลับมาสู่สภาวะใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยปกติ คาดว่าผลการดำเนินการตลอดทั้งปีจะเติบโตไม่น้อยกว่าปี 2562 โดยในปี 2563 จะเป็นปีที่บริษัทฯ รับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี และโครงการโซลาร์รูฟท๊อปอีกจำนวน 5 โครงการ และมีแผน COD โครงการโซลาร์พื้นดินอีก 1 โครงการในไตรมาส 2

นอกจากนี้ สถานะทางการเงินที่มั่นคงและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ยังสอดคล้องกับการประเมินผลการจัดอันดับของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่คงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทฯ ที่ระดับ A คงที่ และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกันของบริษัท ที่ระดับ A- คงที่ ทริสฯ ยังเห็นถึงความแข็งแกร่งในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่มีความท้าทายในด้านธรณีวิทยา สิ่งแวดล้อม และเทคนิควิศวกรรม จนมีผลงานเป็นที่ยอมรับ มีผลการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมองว่า บริษัทฯ มีกระแสเงินสดมั่นคงจากเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับผู้ซื้อที่มีความน่าเชื่อถือทุกราย โดยในส่วนของผลการดำเนินงาน ทริสฯ มองว่า จะมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายทางการเงินภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย อยู่ในระดับเดียวกับปี 2562 คือ ประมาณ 4,000 ล้านบาท แสดงถึงสถานะทางการเงินอยู่ในระดับน่าพอใจ รวมถึงยังมีสภาพคล่องที่เพียงพอในการดำเนินงาน

นายธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการที่ 1 และโครงการที่ 2 รวมถึง โรงไฟฟ้าบางเขนชัยโซลาร์ และส่งให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EdL) เต็มกำลังการผลิต เพื่อให้ประชาชนได้มีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอในช่วงที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลลาวยังคงขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่บ้าน เพื่อลดการแพร่ระบาดของโควิด-19.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ