เงาหุ้น : เด้งแรงตามต่างประเทศ

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 เม.ย.63 ปิดที่ 1,239.24 จุด เพิ่มขึ้น 39.09 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 58,989.59 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 196.84 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 34.25 บาท บวก 1 บาท, BAM ปิด 21.90 บาท บวก 0.60 บาท, AOT ปิด 58.50 บาท บวก 4.50 บาท, ADVANC ปิด 195 บาท บวก 6.50 บาท และ CPALL ปิด 65.25 บาท บวก 1 บาท

หุ้นไทยบวกตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเผยแนวทางปลดล็อกเศรษฐกิจสหรัฐฯ และมีความคืบหน้าถึงยาที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพในสหรัฐฯ

ขณะที่ บล.ไทยพาณิชย์ ระบุว่าตลาดมองข้ามผ่านการแพร่ระบาดรุนแรงของ COVID-19 ไปแล้ว จากนี้ไปต้องติดตามผลกระทบ

ต่อเศรษฐกิจและการฟื้นตัวว่าจะเป็นในรูปแบบใด แต่มองว่าความไม่แน่นอนและผลกระทบเชิงลบยังเป็นไปได้มากกว่า ดังนั้น ที่ระดับดัชนีเหนือ 1,200 จุด จึงยังเป็นระดับที่ควรจะ “ลดพอร์ต” มากกว่า “ซื้อถือ”

กลยุทธ์ระยะสั้น เน้น trading จบในวัน สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่สูง ยังแนะนำให้ Selective Buy ในลักษณะ DCA โดยลงทุนผสมผสานใน 5 หุ้นธุรกิจผู้นำ คือ BDMS–BEM–BTS–CPF–MINT และใน “–5 Value Stocks” ที่ราคาถูกกว่ามูลค่าทรัพย์สิน คือ AMATA–DIF–PTTGC–SCC–WH

ขณะที่ บล.เอเซียพลัส แนะนำ ซื้อหุ้น CRC ผู้นำธุรกิจค้าปลีกไทย โดยเห็นจุดเด่นหลัก คือ 1.ธุรกิจที่ครบและครอบคลุมทั้งในไทย เวียดนาม และอิตาลี โดยมีส่วนผสมธุรกิจมั่นคง กลุ่มแฟชั่น และธุรกิจเติบโต คือ กลุ่มฮาร์ดไลน์ (โอกาสแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดร้านค้าดั้งเดิม) และกลุ่มอาหาร ร้านไฮเปอร์มาร์เกต Go! เวียดนาม ที่เป็นผู้นำกลุ่ม หนุนความสามารถแข่งขันในตลาด

2.แม้มีผลกระทบโควิด-19 แต่จะกลับมาฟื้นได้เร็ว จากจุดแข็งธุรกิจกระจายตัว คือ กลุ่มอาหารที่ยังดำเนินได้ปกติ ขณะที่การฟื้นตัว คาดทำได้เร็วกว่าคู่แข่ง จากข้อได้เปรียบจับลูกค้ากลาง-บน ซึ่งพร้อมกลับมาใช้จ่าย + แพลตฟอร์ม Omni-channel ที่มีความพร้อมสุดในกลุ่ม

3.ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนผลกระทบ COVID–19 ไปมากแล้ว เชื่อว่าจะกลับมาปรับขึ้นเด่น ตามแนวโน้มกำไรคาดฟื้นตัวเร็วกว่ากลุ่ม เมื่อสถานการณ์ผ่อนคลาย!!

อินเด็กซ์ 51