ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 18 ก.พ.63 ปิดที่ 1,513.68 จุด ลดลง 13.57 จุดมีมูลค่าซื้อขาย 49,275.59 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,444.42 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BAM ปิด 29 บาท บวก 1.25 บาท, AOT ปิด 69.25 บาท ลบ 0.75 บาท, PTTGC ปิด 50 บาท ลบ 2.50 บาท, KBANK ปิด 140 บาท ลบ 4 บาท และ BEM ปิด 11 บาท บวก 0.20 บาท
“ภาสกร ลินมณีโชติ” รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ประเมิน ดัชนีหุ้นไทยระยะสั้นช่วง 1 เดือนนี้จะปรับตัวขึ้นมาได้ที่ระดับ 1,570-1,614 จุด หากสถานการณ์ไวรัส COVID-19 คลี่คลายในต้น มี.ค.นี้ และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 นอกจากนี้ ยังคาดว่า ธปท. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกครั้งในปีนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
แนะกลยุทธ์ให้ลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำ คือ กลุ่มไฟแนนซ์ เช่น หุ้น JMT, CHIYO และ BAM รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้า และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน TFFIF และกอง REIT ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝาก
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มที่จะได้รับอานิสงส์ หาก COVID-19 คลี่คลาย คือหุ้น AOT แม้ปี 63 คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะติดลบ 8-10% แต่ปี 64 จะได้ผลตอบแทนจากสัญญาดิวตี้ฟรีใหม่ จากคิง เพาเวอร์ รวมทั้งปี 67 สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 จะก่อสร้างแล้วเสร็จ รับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 30-40 ล้านคนต่อปี ขณะที่หุ้น CPN ยังได้ผลดี จากการขายสินทรัพย์เข้าสู่กอง CPNREIT
ปิดท้ายโฟกัสหุ้น TU หลังรายงานผลดำเนินงานปี 62 กำไรเติบโตดี โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะ “ซื้อ” นำโดย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 18.90 บาท ตามด้วย ฟินันเซีย ไซรัส และดีบีเอสวิคเคอร์ส ให้ราคาพื้นฐานเท่ากันที่ 18.50 บาท ขณะที่เอเชีย เวลท์ ให้ 18.40 บาท ส่วนยูโอบีเคย์เฮียนให้ที่ 18 บาท
ด้านฟิลลิป ให้ 17.90 บาท ,กรุงศรีให้ 17.5 บาท, หยวนต้าแนะ “TRADING” ให้เป้าหมาย 17.10 บาท ขณะที่เคทีบีปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 17 บาท และ บล.โนมูระ พัฒนสิน แนะ “ทยอยสะสม” ให้เป้าหมายที่ 16.20 บาท
อีกตัวหุ้น BTS บล.เคจีไอ แนะ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 15.20 บาท ตามด้วยทิสโก้ให้ 15.10 บาท ขณะที่ยูโอบีเคย์เฮียน ให้ 15 บาท ส่วนเคทีบี ให้ 14.60 บาท ด้านฟิลลิปให้ 14.50 บาท และดีบีเอส วิคเคอร์ส ให้พื้นฐาน 14 บาท
ส่วนเมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะแค่ “ถือ” ให้ราคาเหมาะสม 12.80 บาท และทรีนีตี้ให้เป้าหมายปีนี้ 12 บาท!!
อินเด็กซ์ 51