ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 29 ต.ค.62 ปิดที่ 1,591.21 จุด ลดลง 5.27 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 57,421.11 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,473.58 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าการซื้อขายสูงสุด GPSC ปิด 84.25 บาท ลบ 7.50 บาท, KBANK ปิด 131 บาท ลบ 5 บาท, AOT ปิด 78.25 บาท บวก 0.75 บาท, CPALL ปิด 77.75 บาท ลบ 1.25 บาท และ GULF ปิด 164.50 บาท ลบ 5 บาท
ตลาดหุ้นปรับตัวลงจากแรงขายหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮมาต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนยังกังวลกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากเงินบาทแข็งค่า รวมทั้งข่าวไทยถูกสหรัฐฯตัด GSP และการประกาศงบการเงินบริษัทจดทะเบียนที่อ่อนแอ
บล.โกลเบล็ก ประเมินหุ้นไทยแกว่งผันผวนในช่วงขาลงต่อเนื่อง ตลาดขาดปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามาสนับสนุน และกังวลกับสหรัฐฯ ตัดสิทธิ์ GSP สินค้านำเข้าจากไทย ส่งผลให้มีภาระภาษีเพิ่ม 1.5–1.8 พันล้านบาท ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ประเมินผลกระทบต่อการส่งออก เพียง 0.01% ถือว่าน้อยมาก!!
อย่างไรก็ตาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ได้ลดคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้เหลือ 2.9% จากครั้งก่อน 3.5% ส่วนปี 63 คาดการณ์โต 3% และ สศค.ได้ปรับลดประมาณการ GDP ปี 62 เหลือ 2.8% และปี 63 ที่ระดับ 3.3% ดังนั้น จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,585-1,615 จุด
ส่วนปัจจัยบวกขณะนี้แม้การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนมีความคืบหน้า ทั้งสองฝ่ายต่างเปิดเผยว่า ใกล้จะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าบางส่วนในขั้นแรก รวมทั้ง รมต.คลังได้ยืนยันมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและการท่องเที่ยวเป็นเม็ดเงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ปลายปีนี้
แนะกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นเด่นตัวเดิมคือ JUBILE, ARROW และ TNP รองลงมาหุ้นได้ประโยชน์จากโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” เช่น ROBINS, BJC, MAKRO, SPA ERW, TNP และ CPALL รวมทั้งหุ้น Defensive Stock (Beta 5%) เช่น TISCO, SPF RSP, TWPC, DIF และ GP!!
อินเด็กซ์ 51