ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,620.78 จุด ลดลง 10.65 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 40,965.15 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 599.84 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด AWC ปิด 6.15 บาท ลบ 0.40 บาท, GPSC ปิด 87.00 บาท ลบ 0.50 บาท, SCB ปิด 113 บาท ลบ 3.50 บาท, KBANK ปิด 150 บาท ลบ 3 บาท และ IVL ปิด 28.25 บาท ลบ 0.75 บาท
“วิน อุดมรัชตวนิชย์” ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินตลาดสัปดาห์นี้นักลงทุนติดตามดูข้อตกลงการค้าของสหรัฐฯกับจีน แม้มีความคืบหน้ามากขึ้น แต่ผลพวงจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้นักลงทุนในตลาดโลกยังไม่รีบกลับเข้ามาลงทุนมากนัก โดยราคาสินทรัพย์ปลอดภัยอ่อนตัวลงจากการขายทำกำไร เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัว ทำให้หุ้นปิโตรเคมีไทยอยู่ในระดับเดิม แต่อาจปรับขึ้นได้ในช่วงสั้น
รวมทั้งต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรปวันที่ 24 ธ.ค. และผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) 29-30 ต.ค. ซึ่งประเมินว่ามีโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 หากเป็นตามนี้ถือเป็นผลบวกต่อตลาด
กลยุทธ์สัปดาห์นี้ แนะหุ้นกลุ่มปลอดภัย ได้แก่ โรงไฟฟ้า, สื่อสาร โดยสลับเข้าตัวที่ราคายังขึ้นไม่มาก รวมทั้งหุ้นที่คาดกำไรไตรมาส 3 จะออกมาดี แต่ยังแนะถือเงินสดไว้ 20% หุ้นที่น่าสนใจคือ OSP, RATCH, CPN, CPALL, HMPRO, TRUE, AWC และ TASCO!!
ปิดท้าย “สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม” ประธานกรรมการ บริษัท แอส–เซท โปร แมเนจเม้นท์ ที่ปรึกษาการเงิน บมจ. อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) เผยว่า หุ้น IPO ของ RBF 520 ล้านหุ้น เปิดให้จองซื้อวันที่ 16-18 ต.ค. ราคาหุ้นละ 3.30 บาท มูลค่ารวม 1,716 ล้านบาท ปรากฏว่าขายหมดเกลี้ยง!! ผลจากการตั้งราคาขายที่เหมาะสมและนักลงทุนรับรู้ถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโตของบริษัท
ขณะที่ “สมชาย รัตนภูมิภิญโญ” ซีอีโอ RBF ชี้ว่า RBF มีจุดแข็งหลายด้านโดยเฉพาะ R&D โดยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาต่อเนื่องและหลากหลาย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรสูง และมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และยังเป็นบริษัทเดียวที่ทำธุรกิจด้านนวัตกรรมอาหารที่เข้าตลาดหลักทรัพย์
อีกทั้งผู้บริหารยังมีประสบการณ์ในธุรกิจ Food Ingredients กว่า 34 ปี มั่นใจว่าเมื่อ RBF เข้าเทรดจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน!!
อินเด็กซ์ 51