ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 ก.พ.62 ปิดที่ 1,642.49 จุด เพิ่มขึ้น 4.49 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 34,886.39 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 804.8 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTTGC ปิดที่ 67.50 บาท ลบ 0.25 บาท, BEAUTY ปิด 8.15 บาท บวก 0.45 บาท, AOT ปิด 68 บาท
ไม่เปลี่ยนแปลง, IVL ปิด 46.50 บาท ลบ 1 บาท, PTT ปิด 48.50 บาท บวก 0.25 บาท
หุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากปัจจัยต่างประเทศ มีความคาดหวังการเจรจาการค้าจีนสหรัฐฯ รอบใหม่ในวันที่ 14-15 ก.พ.นี้
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กมองภาพรวมการลงทุนหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ได้ปัจจัยหนุนจากต่างประเทศ โดยเฟดไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย ตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอตัว
ส่วนปัจจัยในประเทศ ตัวเลข GDP ไทยปี 61 โต 4.2% ขยายตัวต่อเนื่อง และสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัว 3.7% ขณะที่ รัฐเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคมที่ทยอยเปิดประมูลหวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยด้านลบที่กดดันการลงทุนช่วงนี้ มาจากใกล้ถึงวันกำหนดเส้นตายภาวะชัตดาวน์สหรัฐฯอีกครั้งในวันที่ 15 ก.พ.นี้ หากไม่มีการบรรจุงบประมาณสร้างกำแพงในร่างกฎหมายงบประมาณและปัจจัยการเมืองในประเทศมีความผันผวนมากขึ้นก่อนถึงกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562
ทำให้มองทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวน คาดจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,630-1,670 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุน ให้เน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง เลือก VGI, PLANB, MACO, CPALL, MAKRO, BJC และ TKS เด่น ส่วนหุ้นในตลาด mai เชียร์ TACC, LIT และ CRD
รวมทั้งหุ้นที่ได้อานิสงส์จากมาตรการคืน VAT 5% จากการกระตุ้นช็อปช่วงตรุษจีนระหว่าง 1–15 ก.พ. เช่น CPALL, MAKRO และหุ้นที่ได้อานิสงส์ขยายเวลาฟรีค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยว เช่น AOT, CENTEL, ERW!!
อินเด็กซ์ 51