ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา สภาธุรกิจตลาดทุนไทยได้จัดงานเสวนาเรื่อง “จะลงทุนอย่างไรในตลาด Bear Market” โดยนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ ยังไม่ถือว่าเข้าสู่ภาวะ Bear Market หรือ “ภาวะตลาดหมี” ตลาดที่เข้าสู่การปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงราว 10% จากระดับ 1,830 จุด มาอยู่ที่ 1,590 จุด ซึ่งจากข้อมูลสถิติในอดีตการเข้าสู่ภาวะตลาดหมีนั้นดัชนีหุ้นต้องปรับตัวลดลงเฉลี่ย 20% และจากสภาวะแวดล้อมในปัจจุบันน่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะเศรษฐกิจภายในประเทศของไทยไม่ได้อยู่ในภาวะถดถอย แต่พื้นฐานเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง ภาครัฐมีการลงทุนขนาดใหญ่ และการบริโภคการจับจ่ายใช้สอยในประเทศเริ่มฟื้นตัว และที่สำคัญคือผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องไปอย่างน้อยอีก 2 ปี
ด้านนางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.) กล่าวว่า หุ้นไทยขณะนี้อยู่ในระดับของการปรับฐาน ยังไม่ถึงขั้นเป็น Bear Market แม้ปีนี้นักลงทุนต่างชาติจะขายหุ้นไทยไปแล้วกว่า 180,000 ล้านบาท แต่ยังไม่กระทบสัดส่วนการถือครองหุ้นของต่างชาติที่ยังมีสัดส่วนคงเหลือการถือหุ้นไทยราว 30% ของมูลค่ามาร์เก็ตแคปรวม นอกจากนี้ พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี
ขณะที่นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการและกรรมการผู้อำนวยการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า หุ้นไทยยังน่าลงทุน และจากข้อมูลสถิติประเมินว่าภายใน 20 ปี ค่าเฉลี่ยเงินลงทุนจะโตกว่าการออมประเภทอื่นหลายเท่า และเชื่อว่าปี 62 ตลาดหุ้นไทยจะมีข่าวดีเรื่องความชัดเจนในการเลือกตั้งเข้ามาหนุน
ส่วนนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน นักลงทุนควรประเมินพื้นฐานบริษัทจดทะเบียน และแนะนำหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงและสม่ำเสมอ โดยบริษัทจดทะเบียนไทยมีอัตราการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยอยู่ที่ 3.1% สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก.