ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 พ.ค.61 ปิดที่ 1,760.25 จุด ลดลง 9.55 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 61,224.79 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,868.46 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 55.50 บาท ลบ 1.25 บาท, PTTEP ปิด 131.00 บาท ลบ 6.50 บาท, PTTGC ปิด 94 บาท ลบ 3.50 บาท, IVL ปิด 59.25 บาท ลบ 1.75 บาท และ AOT ปิด 69.75 บาท ลบ 1.25 บาท
“ประกิต สิริวัฒนเกตุ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ชี้หุ้นไทยโดนแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี โดยต้องติดตามถึงการตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ว่าจะมีทิศทางอย่างไร
ขณะที่มองตลาดระยะสั้น คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัว หลังมีแรงขายมากเกินไป ด้านเทคนิคคาดว่าจะแกว่งในกรอบ 1,760-1,775 จุด แนะนัก ลงทุนเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1 จะออกมาดีต่อเนื่อง เช่น BGRIM, MEGA และ ADVANC
“ประกิต” ยังเผยว่า กสิกรไทยได้ปรับลดเป้าดัชนีหุ้นไทยปี 61 เป็น 1,888 จุด จากเดิม 1,914 จุด เนื่องจากคาดกำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปี 61 จะลดลงเนื่องจากธนาคารพาณิชย์ได้ยกเลิกค่าธรรมเนียมธุรกรรมทางการเงินผ่านทางดิจิทัล เป็นผลให้รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง
สำหรับตลาดเดือน พ.ค. คาดว่าจะปรับตัวลดลงไปจนถึงปลายเดือน พ.ค. มีปัจจัยกดดันทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ทั้งการเจรจาสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร
ส่วนปัจจัยในประเทศ ต้องติดตามความชัดเจนการประกาศใช้ พ.ร.บ.อีอีซี ให้เป็นข้อกฎหมายที่จะได้ข้อสรุปปลาย พ.ค.นี้ และปัจจัยการเมืองเรื่องการเลือกตั้ง ที่นักลงทุนต่างชาติค่อนข้างอ่อนไหวกับปัจจัยนี้ หากได้ข้อสรุปที่ชัดเจนถึงช่วงเวลาในการเลือกตั้ง คาดว่า fund flow ต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาได้ ช่วงครึ่งหลังปีนี้ โดยตั้งแต่ 25 ม.ค.61 มีแรงขายต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันรวม 2.5 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ มองการปรับลงของดัชนีเดือน พ.ค.นี้ เป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าซื้อเพื่อสะสมในหุ้นรายตัว อาทิ BBL, KTB, MTC, ORI, LH, BEAUTY, CPN, CPALL, HMPRO, KCE, TISCO, BGRIM, SPRC, PT, PTTGC และ BEM!!
อินเด็กซ์ 51