ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 16 ก.พ.61 ปิดที่ 1,805.89 จุด เพิ่มขึ้น 5.03 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 37,776.42 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 236.84 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด BANPU ปิด 21.70 บาท ลบ 0.10 บาท AOT ปิด 68.75 บาท ลบ 0.50 บาท, PTT ปิด 486 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, IVL ปิด 55 บาท บวก 0.25 บาท และ PTTGC ปิด 93.75 บาท บวก 1.25 บาท
“ประกิต สิริวัฒนเกตุ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย เผยในงาน “ตอกย้ำหุ้นในกลุ่มธนาคารจะแข็งแกร่งที่สุดแห่งปี” มองหุ้นไทยยังเจอความเสี่ยงจากตลาดโลกที่ผันผวน แต่ผลกระทบจำกัด เนื่องจากต่างชาติไม่ได้ถือครองหุ้นไทยมาก ต่างจากประเทศในภูมิภาคที่ต่างชาติเข้าซื้อมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 52 ผลกระทบจึงมีมากกว่าตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. 61 ต่างชาติขายติดต่อกัน 7 วันทำการขายสะสม 2.87 หมื่นล้านบาท เป็นปริมาณการขายรายเดือนที่สูงที่สุดในรอบ 14 เดือน และเป็นการขาย 5 เดือนติดต่อกันรวม 6.97 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ยอดสะสมตั้งแต่ปี 52 ถึงปัจจุบัน ต่างชาติขายสุทธิ 1.75 แสนล้านบาท
แต่คาดว่าการขายของต่างชาติจะเริ่มเบาลง และกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิ เพราะจากสถิติตั้งแต่ปี 52 ต่างชาติจะเข้าซื้อสุทธิเดือน มี.ค.ทุกปี ด้วยมูลค่าเฉลี่ย 1.7 หมื่นล้านบาท
“เดือน มี.ค.จะเป็นตัวชี้วัดว่าหุ้นไทยจะไปต่อได้หรือไม่ มีประเด็นต้องติดตาม คือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเรื่องการเลือกตั้ง แต่เชื่อว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี และดึงความเชื่อมั่นนักลงทุนได้
ประเมินหุ้นไทยเดือน มี.ค.จะขึ้นไปอยู่ที่ 1,820–1,840 จุด หากโมเมนตัมยังดี มีโอกาสที่กลางปีนี้กสิกรไทยจะปรับประมาณการดัชนีขึ้นอีกครั้ง
หุ้นแนะนำคือ BBL ให้ราคาเป้าหมาย 293 บาท, KTB ให้เป้าหมาย 23 บาท และ TISCO ให้เป้าหมาย 105 บาท ขณะที่คาดว่า BBL จะจ่ายปันผลเฉลี่ยปีนี้ที่ 2.5-3%, KTB ที่ 3.8% และ TISCO ที่ 5.7% ช่วงที่แนะลงทุนหุ้นแบงก์คือ ตั้งแต่เดือนนี้ไปถึงเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ประกาศจ่ายปันผล
ซึ่งจากข้อมูลสถิติ 5 ปีที่ผ่านมา SET Total Return จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.5% โดยปลายเดือน ก.พ. เป็นเวลาที่เหมาะสมเข้าลงทุน และควรขายปลาย เม.ย. หรือต้น พ.ค. ซึ่งจะได้ผลตอบแทนที่ดี!!
อินเด็กซ์ 51