นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้พิจารณาสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันโดยเห็นว่ายังมีรายจ่ายต่อวันเป็นจำนวนมาก ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในขณะนี้ ยังมีความผันผวนต่อเนื่องจากสถานการณ์ด้านสงคราม และเศรษฐกิจ กบน.จึงมีมติลดอัตราเงินชดเชยประเภทน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 20 จาก 3.08 บาท/ลิตร เป็น 2.58 บาท/ลิตร เพื่อให้กองทุนน้ำมันมีรายจ่ายประเภทน้ำมันดีเซลลดลงวันละ 35.42 ล้านบาท จากวันละ 216.99 ล้านบาท เป็น 181.57 ล้านบาท การลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันประเภทดีเซลในครั้งนี้ส่งผลให้ราคาขายปลีกประเภทน้ำมันดีเซลปรับขึ้น 0.50 บาท/ลิตร เป็น 31.44 บาท/ลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.เป็นต้นไป
ทั้งนี้ การพิจารณาดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่มีมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแก่ประชาชน โดยวางกรอบการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.-31 ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องจากมาตรการเดิมที่สิ้นสุดเมื่อเดือน เม.ย. เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ และการดำเนินการนี้เป็นไปตามมติ กบน. เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่เห็นชอบในหลักการให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันประเภทน้ำมันดีเซลเพื่อให้ราคาขายปลีกเกินกว่า 30 บาทได้ตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นไป
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า กรณีกระทรวงพลังงาน จะเสนอให้มีการแก้กฎหมายปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน ด้วยการให้กระทรวงพลังงานมีอำนาจกำหนดอัตราสรรพสามิตน้ำมันเองนั้น เรื่องนี้คงต้องหารือในรายละเอียดร่วมกันว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร โดยเบื้องต้นมองว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ หากสามารถปรับโครงสร้างราคาพลังงานและเกิดประโยชน์กับประชาชน ในส่วนของกระทรวงการคลังมีแนวคิดที่จะปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงาน เพื่อสนับสนุนแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (ESG).
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่