นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่าได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวน หลังประเทศเขตเศรษฐกิจหลักๆของโลกเผชิญกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเศรษฐกิจจีนยังคงฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ ทั้งยังต้องจับตาสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์หลังอิสราเอลโจมตีเมืองเจนิน ในเขตเวสต์แบงก์ของปาเลสไตน์ด้วยโดรนเป็นครั้งที่ 2 รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กลับมามีความไม่แน่นอนอีกครั้ง ทำให้ตลาดน้ำมันกลับมาจับตาผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันมากขึ้น ส่วนค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ก่อน 0.52 บาท/เหรียญสหรัฐฯ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 35.5747 บาท/เหรียญสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ตลาดทั่วโลกยังกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.25% และจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ อีกทั้ง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้จึงจะส่งผลกระทบกับความต้องการใช้น้ำมันให้ลดลง
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 16 ก.ค.มีสินทรัพย์รวม 40,175 ล้านบาท มีหนี้สิน 90,004 ล้านบาท แบ่งเป็นติดลบจากบัญชีน้ำมัน 4,316 ล้านบาท บัญชีก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) 45,513 ล้านบาท.